วันนี้ (15 ส.ค.2560) นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า การตรวจสอบข้อมูลว่าผ่านโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐหรือไม่ ผู้ลงทะเบียนแต่ละคนต้องใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น เลขประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด กรอกผ่านเว็บไซต์ หลังจากนั้นจะประกาศผลเป็นรายบุคคลว่าผ่านคุณสมบัติหรือไม่ผ่าน โดยจะไม่มีการประกาศรายชื่อครั้งเดียวพร้อมๆ กันเป็นเอกสารในเว็บไซต์
สำหรับผู้ที่ตรวจสอบข้อมูลแล้วไม่ผ่านคุณสมบัติ ในเว็บไซต์จะระบุรายละเอียดว่าไม่ผ่านด้วยเหตุผลอะไร และผู้ลงทะเบียนสามารถอุทธรณ์ผ่านเว็บไซต์ได้ ว่ารายละเอียดของข้อมูลดังกล่าวตรงกันหรือไม่ โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบซ้ำให้พร้อมมีข้อมูลยืนยันอีกครั้ง
ส่วนผู้ที่ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ จะมีการประกาศรายชื่อผ่านอีกหนึ่งช่องทาง ตามที่มติคณะรัฐมนตรีได้ให้ไว้ คือ ประกาศผ่านที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน และสำนักงานเขต ซึ่งจะประกาศตั้งแต่เดือนกันยายนนี้
ขณะที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าวว่า นอกจากมาตรการช่วยเหลือเรื่องค่ารถเมล์ รถไฟ ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่เป็นมาตรการพื้นฐานให้ผู้มีรายได้น้อยแล้ว กำลังพิจารณามาตรการเพิ่มเติม เช่น ช่วยเหลือคนพิการ คนชรา ผู้มีหนี้นอกระบบ คนจนที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อปี รวมถึงมีแนวคิดสร้างแรงจูงใจให้ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนไว้แล้วในกลุ่มที่ไม่ได้เป็นแรงงานในระบบ ที่ยังไม่มีระบบการออมเพื่อการเกษียณเป็นสมาชิกของกองทุนออมแห่งชาติ (กอช.) โดยจะเสนอเงินเพิ่มให้กลุ่มนี้ในช่วงแรกที่สมัครเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งจำนวนเงินยังไม่ชัดเจนอาจจะเป็นรายละ 100-200 บาท เพื่อเป็นแรงจูงใจเท่านั้น
ทั้งนี้ มาตรการเพิ่มเติมจะมีอะไรบ้างขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ลงทะเบียน หลังตรวจสอบคุณสมบัติแล้วจะผ่านเกณฑ์มากน้อยแค่ไหน ซึ่งขณะนี้รอสำนักงานสถิติแห่งชาติที่ส่งนักศึกษาลงพื้นที่สำรวจสภาพที่แท้จริงของผู้มีรายได้น้อยที่ใกล้จะครบกำหนดเก็บข้อมูลแล้ว ที่นอกจากตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียนแล้ว ยังจะทราบถึงความต้องการด้านสวัสดิการและความช่วยเหลือจากภาครัฐด้วยเพื่อให้มาตรการที่ออกตรงตามความต้องการ