วันนี้ (19 ส.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส จัดกิจกรรมแสงจากพ่อสู่ความยังยั่งยืนครั้งที่ 2 ภายใต้แนวคิด "ศาสตร์พระราชา" ระหว่างวันที่ 19-20 สิงหาคมนี้ โดยภายในงานทางภาคีเครือข่ายภาคต่างๆ ได้นำองค์ความรู้และผลผลิตที่ได้จากการศึกษาและลงมือทำจากแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระปรมิทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงใช้ในการพัฒนาด้านต่างๆ อันนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน มาให้ผู้ที่เข้าชมกิจกรรมได้ศึกษาและเรียนรู้กัน
สำหรับบรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา มีประชาชนให้ความสนใจดินทางกันมาซื้อ มาชม มาชิมอาหารจากธรรมชาติ และทำกิจกรรมเวิร์คชอป โดยมีภาคีเครือข่าย อาทิ สถาบันเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ ภาคการศึกษา องค์กรและชุมชนกว่า 16 เครือข่าย ร่วมกันนำเสนอองค์ศาสตร์ความรู้ที่ได้จากในหลวง รัชกาลที่ 9 ที่ทรงใช้ในการทรงงานเพื่อพัฒนาด้านต่างๆ ให้ผู้เข้าร่วมงานได้นำไปปฏิบัติ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
โดยกิจกรรมจะถูกแบ่งเป็น 5 โซน ภายใต้แนวคิด ศาสตร์พระราชากับบันได 9 ขั้นสู่ความพอเพียง, ศาสตร์พระราชากับการเรียนรู้เพื่อพัฒนามนุษย์, ศาสตร์พระราชากับการลงมือทำทันที กิจกรรมในโซนที่ 1 เป็นเวที "เฮดทอล์ค" ในหัวข้อ ทำแล้วจึงพูด มีวิทยากรที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ อาทิ โจน จัน ได, อาจารย์ยักษ์ วิวัฒน์ ศัลยกำธร ซึ่งกำลังจะมีขึ้นในวันนี้ เวลา 13.00 น.
โซนที่ 2 เป็นการนำเสนอบันได้ 4 ขั้น พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น เป็นการเปิดร้านชิมอาหารจากพืชผักที่ปลอดภัย และกิจกรรมเวิร์คชอปของนักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ ที่จะมาสอนทำของใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนโซนที่ 3 บันไดขั้นที่ 5-6 บุญและทาน นำเสนอนิทรรศการที่เชื่อมโยงระหว่างศาสตร์ของพระราชา และธรรมราชา ซึ่งเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งแรก เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โซนที่ 4 บันไดขั้นที่ 7-8 เก็บรักษาและขาย ซึ่งจะเป็นตลาดนัดธรรมชาติ "ยักษ์กะโจนสัญจร" รวมถึงสินค้าเกษตรและแปรรูปจากเครือข่ายต่างๆ และโซนที่ 5 ศาสตร์พระราชากับการเรียนรู้เพื่อพัฒนามนุษย์ ที่กลุ่มบ้านเรียน สถาบันการศึกษาต่างๆ นำเสนอการเรียนรู้ที่ได้จากการน้อมนำศาสตร์พระราชา มีเครือข่ายหมอวิถีพื้นมามากดจุดดูแลสุขภาพกันด้วย
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีกิจกรรมให้ผู้ปกครองที่พาเด็กๆ มา ได้ร่วมสนุกกัน อย่างการทำปุ๋ยกระสุนเมล็ดพันธุ์ การทำเครื่องหอม มุมอาสาสมัครทำดีเพื่อพ่อจากยุวกาชาด สภากาชาดไทย ซึ่งนอกจากจะฝึกให้น้องๆ ได้ทดลอง ลงมือทำด้วยตัวเอง ยังเป็นการปลูกฝังแนวคิดชีวิตพอเพียงให้กับเด็กๆ อีกด้วย