วันนี้ (29 ส.ค.2560) ผู้สื่อข่าวไทยพีบีเอส รายงานว่า แม้จะยังไม่มีการเปิดเผยแผนแก้ไขน้ำท่วมลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง 2.2 แสนล้านบาท มีการนำโครงการเก่ามาปัดฝุ่นสร้างใหม่กี่แผนงาน
แต่โครงการสร้างคลองผันน้ำ ตั้งแต่อำเภอขานุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ลงแม่น้ำแม่กลอง จ.กาญจน บุรี ระยะทาง 200 กิโลเมตร งบประมาณก่อสร้างกว่า 1.5 แสนล้านบาท เป็น 1 ในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ภาคประชาชนนักวิชาการคัดค้านในเวทีรับฟังเห็นแทบทุกจังหวัด แต่โครงการนี้กำลังถูกจับตามาว่ารัฐบาล คสช.นำมาปัดฝุ่นสร้างใหม่
นายหาญณรงค์ เยาวเลิศ ประธานมูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ ระบุว่า การนำโครงการเก่ามางบมีเท่าไหร่ก็หาให้ มองว่าไม่ต่างจากรัฐบาลที่แล้วนะ ที่ชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับโครงการ 3.5 แสนล้านบาท เพราะหนึ่งโครงการนี้ ถ้าแก้ปัญหาได้ ก็มีการศึกษาให้ชัดเจน แต่ปรากฎว่าไม่มีการศึกษาให้ชัดเจน ไม่ทำไปตามกรอบข้อกฎหมาย การทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ต้องมีการศึกษาก่อน แต่กลับข้ามไปหาผู้รับเหมาก่อน นี่คือโครงการ 3.5 แสนล้านบาทมันล้มเหลว
ภาคประชาชนมองว่าการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาคกลาง ไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณสูงเป็นแสนล้านบาท แต่รัฐบาล คสช. กลับเอางบประมาณเป็นตัวตั้ง ไม่ต่างจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์
"ผมคิดแบบนี้นะถ้าจะคิดแบบเอางบเป็นตัวตั้ง แล้วที่เหลือให้หน่วยงานไปรีบปัดฝุ่นโครงการไปมา ก็ไม่ต่างจากรัฐบาลบยิ่งลักษณ์ ที่อนุมัติงบกรอบวงเงิน 3.5 แสนล้านบาทก็ไม่ต่างกัน เพราะสุดท้ายก็จบอยู่ที่ศาล ชาวบ้านต้องไปฟ้องศาลปกครองว่า เป็นโครงการที่ไม่มีลำดับขั้นตอน"นายหาญณรงค์ ระบุ
ก่อนหน้านี้มีกระแสว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งระงับโครงการนี้ไว้ก่อนเพราะงบประมาณค่อนข้างสูง หวั่นกระทบโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ แต่อธิบดีกรมชลประทาน ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง งบประมาณ 2 แสนล้านบาท เป็นกรอบวงเงินที่กรมชลประทานได้ทำการศึกษาไว้ทั้งหมด 9 โครงการ ระยะเวลา 5-6 ปี การดำเนินการทุกครั้งจะต้องขออนุมัติจากครม. และย้ำว่าโครงการที่อนุมัติไปแล้วคุ้มทุนประชาชนได้ประโยชน์แน่นอน
นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน บอกว่า แต่บางพื้นที่ในพื้นที่เมือง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือเมืองจันทบุรี ต้องทำโครงสร้างพื้นฐานสำหรับระบายน้ำออกพวกนี้ต้องใช้สิ่งก่อสร้างไปทำ และทุกโครงการต้องมีการศึกษาความเหมาะสมทั้งหมดโครงการถึงจะเกิดขึ้นได้ โครงการที่ไม่คุ้มเราก็จะไม่ดำเนินการ
โดยยอมรับว่า มีบางโครงการที่นำมาปัดฝุ่นใหม่จริง นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้จัดทำแผนงานอย่าละเอียดทั้ง 9 แผนงาน ไม่ได้สั่งชะลอแต่อย่างใด แต่หากโครงการไหนศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วไม่ผ่านก็จะชะลอการก่อสร้างไว้ก่อน