วันนี้ (30 ส.ค.2560) นายรามเนตร ใจกว้าง นายกเทศมนตรีนครเกาะสมุย เปิดเผยว่า ความร่วมมือในการจัดเก็บขยะ และคัดแยกขยะจากคนในเกาะสมุยขณะนี้มีแนวโน้มตื่นตัวกันมากขึ้น แต่ยังเป็นกลุ่มน้อย หรือประมาณร้อยละ 10 ของภาคธุรกิจผู้ประกอบการโรงแรมที่มีในเกาะสมุย ประมาณเกือบ 600 ราย ทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายเล็ก ส่วนแนวทางแก้ไขปัญหาขยะตกค้างที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณ 200,000 ตัน ที่กองรวมอยู่ที่บริเวณโรงเผาขยะ ต.มะเร็ต อ.เกาะสมุย ขณะนี้มีพื้นที่รวมกว่า 30 ไร่ ซึ่งต้องรอบริษัทรับเหมาที่อยู่ระหว่างรอผู้ชนะประกวดราคามาจัดเก็บ
สำหรับเหตุผลที่ทำให้มีปริมาณขยะตกค้าง เป็นการสะสมมาตั้งแต่ปี 2555-2558 เนื่องจากเครื่องเผาขยะที่ใช้งานมาประมาณ 10 ปี พังเสียหายจากปริมาณขยะที่กองรวมกัน โดยไม่ผ่านการคัดแยกประเภทขยะมาตั้งแต่ต้นทาง จากนั้น ทำให้ปริมาณขยะเพิ่มสะสมต่อเนื่องกว่า 200,000 ตัน จนถึงปัจจุบัน และเมื่อยิ่งรวมกับปริมาณขยะกองใหม่ที่เทศบาลฯ จัดเก็บมาจากชุมชนทุกๆ วัน เฉลี่ย 150-200 ตัน ยิ่งทำให้พื้นที่รองรับขยะเหลือน้อยลง และรองรับได้อีกเพียง 8 เดือนเท่านั้น
ส่วนสาเหตุที่ต้องนำขยะจากเกาะสมุยไปกำจัดยังพื้นที่นอกเกาะ เช่น ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพราะไม่สามารถหาสถานที่รองรับ หรือสร้างโรงกำจัดขยะในพื้นที่เกาะสมุยได้อีก เนื่องจากไม่ว่าจะเสนอสร้างบริเวณใด เช่น ต.บ่อผุด ต.เชิงมน หรือ ต.อ่างทอง ต่างถูกคัดค้านมาเสมอ เหมือนปัจจุบัน บ่อขยะและโรงเผาขยะที่สร้างอยู่ที่ ต.มะเร็ต ที่เป็นพื้นที่ที่มีบ้านพักของตัวเองอยู่ด้วย แม้ไม่ได้ใกล้โรงเผาขยะ แต่ต้องเจรจากับชาวบ้านใน ต.มะเร็ต โดยเฉพาะหมู่ 5 ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และเป็นเรื่องน่าเห็นใจที่คนที่อยู่ใกล้กับกองขยะ ซึ่งนับวันจะยิ่งเพิ่มปริมาณมากขึ้น แต่ถ้าได้ผู้รับเหมา น่าจะช่วยแก้ปัญหาได้มาก หากการประกวดราคาที่กำลังพิจารณาในขณะนี้ ไม่เกิดปัญหา คาดว่าจะเริ่มดำเนินการขนย้ายขยะได้ภายในกลางเดือนกันยายน 2560
สำหรับกลุ่มคนที่มีส่วนร่วมทำให้เกิดขยะจำนวนมากในเกาะสมุยมีทั้งกลุ่มที่เป็นคนในพื้นที่ที่มีประมาณ 65,000 คน กลุ่มประชากรแฝง และแรงงานข้ามชาติ มีประมาณ 200,000 คน กลุ่มนักท่องเที่ยว ปีละกว่า 2,000,000 คน และกลุ่มผู้ประกอบการภาคธุรกิจโรงแรมทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ประมาณ 600 ราย ล้วนมีส่วนสร้างขยะให้เกิดขึ้น แต่การร่วมมือเพื่อให้ลดจำนวนขยะ หรือคัดแยกขยะ แม้ทางเทศบาลร่วมกับหน่วยงานต่างๆ รณรงค์มานานกว่า 5 ปี แต่ยังไม่ได้รับความร่วมมืออย่างจริงจัง