เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.2560) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า คดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาผู้ร่วมทุจริตหลายกลุ่ม ทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ สะท้อนถึงการร่วมมือกันทุจริตแบบครบวงจรในลักษณะ "ห่วงโซ่ทุจริต" โดยมีนักการเมืองเป็นฝ่ายเริ่มต้นคิดนโยบายแล้ววางแผนทุจริตร่วมกับนักธุรกิจ พร้อมสั่งการให้ข้าราชการที่อยากได้ดีด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ให้ใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริตขึ้น จะเห็นได้ว่าเป็นขบวนการที่มีข้าราชการเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้เกิดการทุจริตแบบครบวงจร เพื่อป้องกันปัญหาหน่วยงานราชการ และองค์กรของรัฐควรมีกระบวนการรับเรื่องร้องเรียนและคุ้มครองข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐเป็นพิเศษ เพื่อให้ข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐที่พบเห็น หรือรับรู้การทุจริตของนักการเมือง และข้าราชการในหน่วยงาน มีช่องทางที่จะแจ้งเบาะแสการทุจริตเพิ่มเติม นอกเหนือจากแสวงหามาตรการที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาไม่ให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ต้องทำในสิ่งผิดรตามคำสั่งของนักการเมืองอีกต่อไป
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขอให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ที่ถูกคุมขังในเรือนจำจากคดีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ สารภาพข้อเท็จจริงของขบวนการทุจริตทั้งหมด เชื่อจะเป็นโอกาสเดียวของนายบุญทรงที่จะใช้ต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์ เพื่อขอบรรเทาโทษ และ ป.ป.ช.สามารถตั้งเป็นคดีใหม่ เพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง
นายนรินทร์ สมนึก ทนายความของ นายบุญทรง กล่าวว่า ขณะนี้นายบุญทรงยังถูกคุมขังที่เรือนจำกลางคลองเปรม ส่วนแนวทางการยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวครั้งที่ 3 ขณะนี้จะต้องรอคัดคำพิพากษาฉบับเต็ม เพื่อมาศึกษาในรายละเอียดประกอบการยื่นอุทธรณ์ ซึ่งจะยื่นประกันตัวครั้งต่อไป พร้อมกับการยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา โดยขณะนี้ยังคุยกันอยู่ว่าในการยื่นประกันตัวจะพิจารณาในเรื่องของการเพิ่มหลักทรัพย์และเหตุคผลเรื่องความเจ็บป่วยของนายบุญทรงเข้าไปประกอบ เพื่อให้ศาลพิจารณา ส่วนจะยื่นในวันใดนั้นยังไม่สามารถตอบได้