นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบอร์ด สปสช. กล่าวว่า ที่ประชุมได้ติดตามผลการดำเนินงานตามมติของบอร์ดฯ โดยมอบหมายให้เครือข่ายหน่วยบริการคือ โรงพยาบาลราชวิถี ดำเนินการจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ แทน สปสช. เนื่องจากกรมบัญชีกลางและสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ชี้ว่า สปสช.ไม่มีอำนาจจัดซื้อ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการวันที่ 1 ต.ค.2560
ทั้งนี้ ที่ประชุมกำหนดให้นำเงินส่วนลดในการจัดซื้อยากับองค์การเภสัชกรรม ร้อยละ 5 กลับไปหมุนเวียนใช้ซื้อยาและเวชภัณฑ์ให้กับประชาชนอีก ไม่นำเข้ากองทุนสวัสดิการพนักงาน สปสช. เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชน ส่วนการจัดซื้อวัคซีนในปี 2561 ยังให้ดำเนินการเช่นเดิม โดยเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง สปสช.กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ระบบเกิดความคล่องตัว
ขณะที่ นพ.จรัล ตฤณวุฒิพงษ์ ประธานคณะอนุกรรมการสื่อสารสังคมและรับฟังความเห็นจากผู้ให้บริการและผู้รับบริการ กล่าวว่า ผลการรับฟังความเห็นทั่วไปประจำปี 2560 จากกรอบรับฟังความเห็น 7 ประเด็น และ 3 ประเด็นย่อย โดยมีข้อเสนอให้ปฏิรูปกองทุนท้องถิ่น อาทิ การจัดการเงินกองทุนคงเหลือสะสม มีความเห็นต่างในข้อเสนอเรื่องการยุบยกเลิกกองทุน การคืนเงิน กรณียุบหรือเงินคงเหลือมาก กองทุนระบบการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง และการเข้าถึงหลักประกันสุขภาพของกลุ่มเปราะบาง อาทิ จัดการกลุ่ม ทร.99 ให้ได้รับการรักษา, กลุ่มชาติพันธุ์ เสนอให้คนที่รอพิสูจน์สถานะ คนไทยพลัดถิ่นและคนไทยตกสำรวจ และกลุ่มผู้ต้องขัง ได้รับการดูแลด้านสาธารณสุขและการดูแลผู้ต้องขังที่ไม่สามารถพิสูจน์สถานะ และให้มีสิทธิรักษาพยาบาลเท่าเทียมและมีมาตรฐานเดียวกับผู้ป่วยทั่วไป ทั้งนี้จะส่งมอบให้คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อปรับปรุงและพัฒนาระบบต่อไป