สื่อปากีสถานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า นศ.ไทย เป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุจี้เครื่องบิน
นักศึกษาไทยจำนวน 5 คน ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานเมืองละฮอร์ สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2558 โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอิสลามาบัดรายงานว่าทั้ง 5 คน ถูกควบคุมตัวในข้อหาพกอาวุธปืนในท่าอากาศยาน หลังจากเครื่องเอ็กซเรย์ที่ท่าอากาศยานตรวจพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนแยกซุกซ่อนไว้ ขณะกำลังเดินทางขึ้นเครื่องบินกลับประเทศไทยด้วย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 346 เวลา 23.40 น.
ต่อมาสถานีโทรทัศน์ Abbtakk ของปากีสถานรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุจี้เครื่องบิน แต่เจ้าหน้าที่ของสนามบินรวบตัวได้เสียก่อนแผนการจี้เครื่องบินจึงล้มเหลว แหล่งข่าวให้ข้อมูลด้วยว่า ผู้ต้องสงสัย 3 คนถูกควบคุมตัวที่ห้องพักผู้โดยสารขาออกพร้อมกับอาวุธ ส่วนอีก 1 คนถูกนำตัวลงมาจากเครื่องบิน ทั้งหมดเป็นนักศึกษาไทยที่เรียนอยู่ที่ Swat Madrasah Masjid Al-Qasim แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ต้องสงสัยมีแผนการจะจี้เครื่องบินของสายการบินไทยซึ่งเดินทางจากเมืองละฮอร์มาที่กรุงเทพฯ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งตรวจสอบข้อบกพร่องในมาตรการรักษาความปลอดภัยของสนามบินละฮอร์ ว่าเหตุใดจึงปล่อยให้ผู้โดยสารที่พกอาวุธเข้าไปถึงห้องผู้โดยสารขาออกได้ (http://abbtakk.tv/en/security-agency-foil-plane-hijacking-attempt-from-l...)
นอกจากสถานีโทรทัศน์ Abbtakk แล้วเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ของปากีสถาน ชื่อ Onlineindus ยังรายงานข่าวไปในทิศทางเดียวกันโดยอ้างแหล่งข่าวว่านักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวมีแผนการจะจี้เครื่องบิน (http://www.onlineindus.com/asf-arrest-5-thai-nationals-at-lahore-airport/)
ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีให้รายละเอียดของการจับกุมว่า อาวุธปืนที่พบถูกห่อด้วยกระดาษฟอยล์ ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าทำไมถึงต้องห่อด้วยกระดาษฟอยล์ และนักศึกษาเหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธหรือไม่ ตอนนี้นักศึกษาไทยที่ถูกจับถูกหน่วยสืบสวนกลางของปากีสถานสอบสวนอยู่
ล่าสุด สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอิสลามาบัด ได้ประสานเข้าเยี่ยมเพื่อให้การช่วยเหลือนักศึกษาไทย 5 คนแล้ว ขณะที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่าผู้ช่วยทูตทหารบกประจำกรุงอิสลามาบัดประเทศปากีสถานได้ร่วมตรวจสอบกรณีนี้กับเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอิสลามาบัด เบื้องต้นการตรวจสอบภูมิลำเนาและครอบครัวของนักศึกษาทั้ง 5 คน พบว่ามีทั้งผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดอื่น แต่เชื่อว่าไม่น่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง
พล.อ.อุดมเดช ระบุว่าขณะนี้ต้องรอการสอบสวนจากทางปากีสถาน แต่เบื้องต้นพบว่านักศึกษากลุ่มดังกล่าวเข้าศึกษาในโรงเรียนสอนศาสนาที่มีที่ตั้งในจังหวัดชายแดนด้านตะวันตกติดต่อกับประเทศอัฟกานิสถานที่มีการเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายทำให้จัดหาอาวุธได้ง่าย อย่างไรก็ตามเชื่อว่านักศึกษาอาจรับฝากอาวุธมาโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะเป็นปืนพกขนาดเล็กที่ไม่น่าจะนำมาใช้ก่อเหตุรุนแรงได้