วันนี้ (25 ก.ย.2560) นายสมพงษ์ เวียงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร เปิดเผยการประเมินสถานการณ์ฝน ว่า หากเกิดฝนตกเล็กน้อยถึงปานกลาง กทม.สามารถระบายน้ำได้ตามปกติ แต่หากฝนตกหนักตั้งแต่ 35-90 มิลลิเมตร ไปจนถึงฝนตกหนักมากเกินกว่า 90 มิลลิเมตรขึ้นไป จะส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำที่เป็นจุดอ่อนในการระบายน้ำ
สำหรับระบบระบายน้ำที่ กทม. พัฒนาเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมขังและเปิดทดลองใช้งานล่าสุด คืออุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ สามารถช่วยเร่งการระบายน้ำ สูบน้ำจากคลองบางซื่อ ผลักดันลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่รับผิดชอบประมาณ 56 ตารางกิโลเมตร 6 เขต คือ เขตดุสิต พญาไท บางซื่อ จตุจักร ดินแดง และห้วยขวาง
ขณะนี้อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่ออยู่ระหว่างผู้รับเหมาเดินระบบทดลองเครื่องสูบน้ำในศูนย์ควบคุม 6 เครื่อง โดยการใช้งานอุโมงค์ยังไม่เต็มที่ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากต้องหมุนเวียนเดินระบบทดสอบเครื่องที่เหมาะสม แต่การระบายน้ำจะรวดเร็วมากยิ่งขึ้นหลังการทดสอบระบบเสร็จสิ้น และส่งมอบให้ กทม.เป็นผู้ดูแล ซึ่งจะเดินระบบได้เต็มประสิทธิภาพในปลายเดือนตุลาคมนี้
นายสมพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ย่านหลักสี่ ดอนเมือง ลาดพร้าว รามอินทรา และบางเขน ที่เกิดปัญหาน้ำท่วมช่วงที่มีฝนตกหนัก ปัจจุบันยังไม่มีอุโมงค์ระบายน้ำในการช่วยเสริมประสิทธิภาพการระบายน้ำ โดย กทม.ใช้การระบายน้ำในระบบรอง ใช้คลองสายต่างๆ ทั้งคลองหลัก คือ คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากร และคลองสายย่อย ทั้งคลองเสือน้อย คลองทรงกระเทียม เป็นตัวช่วยในการระบายน้ำ ขณะนี้ กทม.มีแผนการสร้างอุโมงค์ระบายน้ำเพิ่มเติม เพื่อเสริมประสิทธิภาพการระบายน้ำย่านหลักสี่ บางเขน ลาดพร้าว ในโครงการอุโมงค์ระบายน้ำคลองเปรมประชากร ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบอุโมงค์ และจะเสนอของบประมาณจัดสรรจากรัฐบาลเพื่อก่อสร้างต่อไป