ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ก.พาณิชย์ ยังไม่ตัดสิทธิ์ร้านธงฟ้ายึดบัตรสวัสดิการ 1,500 ใบ

เศรษฐกิจ
7 ต.ค. 60
19:50
2,344
Logo Thai PBS
ก.พาณิชย์ ยังไม่ตัดสิทธิ์ร้านธงฟ้ายึดบัตรสวัสดิการ 1,500 ใบ
ก.พาณิชย์ยังไม่ถอนรายชื่อร้านธงฟ้าประชารัฐที่ยึดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,500 ใบ ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน พร้อมขอให้กรมบัญชีกลางและธนาคารกรุงไทยเร่งติดตั้งเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อย

วันนี้ (7 ต.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความล่าช้าในการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้ร้านธงฟ้าประชารัฐที่ยังไม่มีเครื่องอีดีซี แต่หวังยอดขาย เก็บบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และจ่ายเจ้าของบัตร เป็นตัวเงินสด หรือ สินค้าในร้าน ซึ่งบางส่วนพบการทุจริตจำหน่ายเกินราคา หรือสินค้าใกล้หมดอายุ

น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า การกระทำดังกล่าวมีความผิด จึงส่งชื่อให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการถอนร้านออกจากโครงการ พร้อมระงับวงเงินในบัตรชั่วคราว ก่อนแจ้งเจ้าของบัตรมารับคืน ซึ่งเบื้องต้น สามารถยึดคืนกลับคลังจังหวัดได้ประมาณ 1,500 ใบ จาก จ.ลำปาง และกำแพงเพชร พร้อมขอความร่วมมือธนาคารกรุงไทยในฐานะผู้วางระบบและติดตั้งเครื่องอีดีซีในโครงการ เร่งหาพันธมิตรจากสถาบันการเงินอื่นๆ เพื่อติดตั้งเครื่องให้ครอบคลุมทุกตำบลทั่วประเทศ 8,000 เครื่อง จากปัจจุบันดำเนินการได้เพียง 5,061 เครื่อง

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมร้านธงฟ้าประชารัฐในพื้นที่ห่างไกลอย่างใน อ.ปัว และ อ.บ่อเหลือ จ.น่าน พบว่าสามารถติดตั้งเครื่องอีดีซีไปบ้างแล้ว แต่ไม่ทั่วถึง ส่งผลให้ ผู้ถือบัตรฯ กระจุกตัวในร้านที่มีเครื่องอีดีซี จึงจะหารือให้กรมบัญชีกลางเร่งรัดติดตั้งเครื่องอีดีซีในพื้นที่ห่างไกล เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ดังกล่าว

ส่วนกรณีร้านธงฟ้าฯ บางส่วน ยึดบัตรสวัสดิการ เพื่อแลกรับเงินสด หรือสินค้า แทนการใช้ชำระสินค้าผ่านเครื่องอีดีซีตามวิธีปกตินั้น ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีการเพิกถอนร้านค้าที่มีพฤติกรรมดังกล่าวออกจากโครงการธงฟ้าฯ แต่ขอเวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่าโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ ส่งผลดีทางจิตวิทยาต่อบรรยากาศการจับจ่ายและการบริโภคในประเทศคึกคักขึ้น ซึ่งอาจมีผลต่อจีดีพีไม่ถึงร้อยละ 0.1

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง