วันนี้ (14 ต.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ถนนดินแดง ฝั่งขาเข้า แยกโบสถ์แม่พระ-แยกดินแดง น้ำท่วม 30 เซนติเมตร เจ้าหน้าที่ปิดการจราจรเนื่องจากรถไม่สามารถสัญจรผ่านได้ เครื่องสูบน้ำของสำนักงานเขตดินแดงไม่สามารถใช้การได้ จึงทำให้การระบายน้ำล่าช้ากว่าจุดอื่น
ถนนรัชดาภิเษก มีน้ำท่วมขัง 30 เซนติเมตร เป็นจุดวิกฤตอีกจุดที่ทำให้ประชาชนที่สัญจร และอาศัยอยู่ในชุมชนได้รับความเดือนร้อน กรุงเทพมหานคร เพิ่มเครื่องสูบน้ำขนาด 8-12 นิ้ว จำนวน 3 ตัว เพื่อเร่งระบายน้ำแต่ก็พบปัญหาขยะจำนวนมาก จึงต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่เก็บขยะตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ขวางทางระบายน้ำ และทำให้การระบายน้ำล่าช้า
ล่าสุดสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว โดยกรุงเทพมหานครใช้เวลาระบายน้ำที่ถนนรัชดาภิเษก มากกว่า 14 ชั่วโมง ซึ่งนานกว่าหลายๆ ที่ผ่านมา
ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นอีกเส้นทางที่วันนี้ประสบปัญหาน้ำท่วมขังสูงตั้งแต่ช่วงเช้า ระดับน้ำลดลงต่อเนื่อง รถยนต์ขนาดเล็กสามารถขับผ่านได้ มีรถติดสะสมยาว เจ้าหน้าที่ กทม. และทหารต้องคอยอำนวยความสะดวกระบายรถ ล่าสุดน้ำแห้งกลับสู่ภาวะปกติแล้ว
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่าสาเหตุของน้ำท่วมขังครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะประชาชนทิ้งขยะและทำให้อุดตันท่อระบายน้ำ แต่เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่ตกเมื่อคืนที่ผ่าน มีปริมาณมากในรอบ 30 ปี ทำให้การระบายน้ำเป็นไปอย่างล่าช้า
"พยายามทำให้ดีที่สุดครับ พยายามเร่งระบาย น้ำในคูระบายไม่ออก ถ้าน้ำในคูถึงคลองบางซื่อ ถึงอุโมงค์ก็จบ แต่ระหว่างทางมันค่อนข้างช้า เพราะน้ำในคลองบางซื่อยังสูง ต้องใช้เครื่องผลักดันน้ำไปด้วย ต้องยอมรับว่าฝนตกมาจริงๆ เมื่อคืนนี้ มีปริมาณมากกว่า 200 มิลลิเมตร"
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครเร่งระบายน้ำในพื้นที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด เมื่อเวลา 15.45 น. การระบายน้ำท่วมขังทั้งหมด 55 จุด แห้งเป็นปกติ 53 จุด คงเหลือ 2 จุด คือ ถนนดินแดง และถนนเพชรเกษม
ส่วนกรณีข่าวลือในสื่อออนไลน์ว่าจะมีการปิดคลองแสนแสบเพื่อระบายน้ำเหนือ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เนื่องจากการระบายน้ำเหนืออาศัยการระบายน้ำผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก ซึ่งกรุงเทพมหานครและกรมชลประทานได้มีการประสานงานกันอยู่ตลอดเวลา จึงขอให้ประชาชนมั่นใจ และสามารถติดตามข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงจากกรุงเทพมหานคร