วันนี้ (18 ต.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทที่ีเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ในเอเชีย คือ อินฟรอนท์ในประเทศสิงคโปร์ หากประเทศไทยจะซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2018 ต้องใช้เงินประมาณ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,100 ล้านบาท โดยสิงคโปร์นับว่าเป็น 1 ใน 11 ประเทศในเอเชียที่ตกลงซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกไปแล้ว
ขณะที่ในส่วนของประเทศไทยนั้น ปัญหาจากมูลค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกที่สูงมาก ทำให้เอกชนต้องยอมถอย แม้แต่บริษัท อาร์เอส ที่คว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ยังไม่กล้าลงทุนต่อ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาจากการออกกฎ MUST HAVE ของ กสทช.ที่กำหนดให้ฟุตบอลโลกเป็น 1 ใน 7 รายการที่ต้องออกอากาศทางฟรีทีวีเท่านั้น ทำให้เอกชนที่ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ไม่สามารถทำกำไรได้ตามกลไกของตลาด
สำหรับทางออกเดียวที่น่าจะเป็นไปได้ คือการจับมือร่วมกัน 3 ฝ่าย ระหว่างภาครัฐ เอกชน และสถานีโทรทัศน์ดิจิทัล โดยก่อนหน้านี้ นายสกล วรรณพงษ์ ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เคยเสนอทางออกไว้ แต่ยังไม่ได้เดินหน้าเจรจาอย่างเต็มที่ คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.) ผู้ว่าการ กกท.จะเสนอแนวทางนี้ต่อ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปสู่การเป็นเจ้าภาพจากทางภาครัฐ
ทั้งนี้ หน่วยงานที่จะเป็นเจ้าภาพอาจจะเป็นหน้าที่ของ กกท.ในการเข้าไปเจรจากับ บริษัท อินฟรอนท์ เพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลง และหาก กสทช.สามารถนำเงินบางส่วนมาอุดหนุนอย่างน้อยประมาณ 500 ล้านบาท บวกกับการร่วมมือจากทางภาคธุรกิจ และสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลที่สนใจ อาจจะทำให้แนวทางการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเป็นไปได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ กสทช.เคยใช้เงินถึง 427 ล้านบาท ชดเชยให้กับบริษัท อาร์เอส มาแล้ว เมื่อ 4 ปีก่อน