ภาพความงดงามและความสง่างามระหว่างการฝึกซ้อม ถ่ายทอดถึงความพร้อมในภารกิจของกองทหารม้าเกียรติยศ กองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ ที่จะร่วมในริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศที่ 6 อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จากพระบรมมหาราชวังไปประดิษฐาน ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร และวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ในวันที่ 29 ต.ค.2560
กองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ คัดเลือกม้าจาก 200 ม้า เหลือ 78 ม้า และสำรองไว้อีกจำนวนหนึ่งหากเกิดกรณีฉุกเฉิน โดยสีของม้าต้องมีความสง่างามตามแบบโบราณราชประเพณี มีความโดดเด่นในเรื่องรูปพรรณ ความสมบูรณ์แข็งแรง และความสามารถในการบังคับใช้งานพื้นฐานเป็นอย่างดี เช่น เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เดินหน้า ถอยหลัง
สำหรับม้าจะรับน้ำหนักคนได้ไม่เกิน 1 ใน 5 ของน้ำหนักตัวม้า หากม้าน้ำหนัก 500 กิโลกรัม สามารถรับน้ำหนักคนได้ไม่เกิน 100 กิโลกรัม จึงจำเป็นต้องให้ม้าออกกำลัง ทั้งการเดินทางข้าง การวิ่งในลักษณะวงกลมแคบ หรือวงกลมขนาดใหญ่ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาและสร้างกล้ามเนื้อบริเวณด้านหลังไว้สำหรับรองรับน้ำหนัก
พ.ท.ธารา ฉลาด ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ กล่าวว่า ผู้บังคับม้ามีตั้งแต่ระดับนายทหารชั้นสัญญาบัตร ชั้นประทวน และพลทหารกองประจำการ โดยมีคุณลักษณะเด่นชัดและมีพื้นฐานสามารถบังคับม้ามือเดียวได้ เนื่องจากต้องใช้อีกมือหนึ่งถืออาวุธ ซึ่งกำลังพลต้องออกกำลังกายให้มีความพร้อมและแข็งแรง ตามรับสั่งของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เรื่องการคัดเลือกกำลังพลว่า "คนที่ขี่ม้า ต้องมีร่างกายสมบูรณ์ และแข็งแรง" แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือการจับคู่ระหว่างคนกับม้า ทั้งนี้ หลังจากใช้เวลาในการฝึกซ้อมมายาวนานกว่า 3 เดือน ม้า 78 ม้า ของกองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ ก็พร้อมจะถวายงานเพื่อให้สมพระเกียรติยศสูงสุด
ม้าแต่ละม้ามีนิสัยที่แตกต่างกัน บ้างก็ขี้หงุดหงิด บ้างก็ขี้รำคาญ บางครั้งก็กัดม้าอื่น การจับคู่ระหว่างคนกับม้าจะต้องทดสอบขี่และเรียนรู้ลักษณะนิสัย จนกว่าจะเจอม้าที่มีลักษณะนิสัยเข้ากับคนได้เป็นอย่างดี หัวใจหลักระหว่างคนกับม้า คือการสื่อสารระหว่างกันให้ได้ คนต้องรู้ว่าม้าต้องการให้ทำอะไร หรือไม่ต้องการอะไร พ.ท.ธารา กล่าว