วันนี้ (1 พ.ย.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ที่ประชุม ครม.ล่าสุด ได้หารือถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัดตามระเบียบที่กำหนดไว้แล้ว โดยให้เร่งสำรวจความเสียหายให้ชัดเจนว่าพื้นที่ใดเป็นพื้นที่น้ำท่วมปกติ พื้นที่รับน้ำ และพื้นที่ใดที่ได้รับผลกระทบจากปริมาณน้ำเฉพาะปีนี้เพื่อวางเยียวยาอย่างเหมาะสม
ยืนยันว่ารัฐบาลได้บริหารจัดการน้ำตามแผนที่วางไว้ แต่เพราะปีนี้น้ำมีปริมาณมาก ไม่ต่างจากปี 2554 จึงยังมีพื้นที่ที่ต้องได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำ และได้ประกาศไปยังเกษตรกรให้เร่งเก็บเกี่ยวผลผลิต เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบและใช้เป็นแก้มลิงรับน้ำ ซึ่งสถานการณ์ภาพรวมขณะนี้เริ่มดีขึ้น
พร้อมชี้แจงการตั้งสำนักงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เพื่อวางแนวทางการแก้ปัญหาอย่างบูรณาการและยั่งยืน และจะเร่งดำเนินโครงการที่วางไว้ เช่น คลองระบายน้ำ บางบาล บางไทร และให้พิจารณาความเป็นไปได้เรื่องการสร้างคลองระบายน้ำจากลุ่มน้ำป่าสัก ซึ่งต้องใช้งบประมาณสูงถึง 30,000 - 40,000 ล้านบาท
ที่ประชุม ครม.วานนี้ เห็นชอบพักชำระหนี้เงินต้นและลดดอกเบี้ยให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปี 2559/2560 เพิ่มเติม จากมติ ครม.เดิม เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2560 โดยรัฐจะจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้อีก 859.50 ล้านบาท เพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส.แทนเกษตรกรในอัตราร้อยละ 5 เป็นเวลา 2 ปี
แต่นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะครอบคลุมเฉพาะเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ที่มีพื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายจากอุทกภัย และมีรายได้ลดลงมากกว่าร้อยละ 50 ในกรณีที่ไม่เป็นเอ็นพีแอล ซึ่งเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติมอีกกว่า 47,000 ราย ส่วนเกษตรกรที่เป็นเอ็นพีแอลอีก 4,801 คน ให้ ธ.ก.ส.รับภาระการชดเชยดอกเบี้ยเองทั้งหมด
มติ ครม.ที่อนุมัติการช่วยเหลือเพิ่มเติมครั้งนี้ เมื่อรวมกับมติในรอบแรกทำให้มีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดรวมกว่า 270,000 คน รวมงบประมาณทั้งสิ้นกว่า 4,700 ล้านบาท ที่ประชุม ครม.ยังอนุมัติขยายระยะเวลามาตรการภาษี เพื่อส่งเสริมการบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ให้สามารถนำวงเงินช่วยเหลือไปหักลดหย่อนภาษีได้ 1.5 เท่าให้ไปสิ้นสุด 31 ธันวาคม จากเดิมที่จะสิ้นสุด 31 ตุลาคมนี้