ความรุนแรงจากอาวุธปืนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุกราดยิงที่โบสถ์ในเมืองซูเธอร์แลนด์ สปริงส์ รัฐเท็กซัส จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 26 คน รวมทั้งเด็กวัย 18 เดือน ล่าสุดกลุ่มผู้ต่อต้านอาวุธปืนประท้วงที่อาคารสำนักงานวุฒิสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เรียกร้องให้มีมาตรการควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยผู้ประท้วงกลุ่ม เกย์ อะเกนสต์ กัน (Gay Against Gun) ล้มตัวนอนลงกับพื้น ก่อนถูกตำรวจควบคุมตัวออกไปจากอาคาร การประท้วงมีขึ้นในขณะที่มีการลดธงลงครึ่งเสาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุสะเทือนขวัญในรัฐเท็กซัส
ส่วนความคืบหน้าการสืบสวน มีรายงานว่า นายเดวิด แพทริค เคลลี อายุ 26 ปี ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเสียชีวิตหลังพยายามหลบหนี มีประวัติเคยถูกดำเนินคดีข้อหาทำร้ายลูกและภรรยา โดยถูกศาลทหารตัดสินกักบริเวณเป็นเวลา 12 เดือนและถูกปลดออกจากกองทัพเมื่อปี 2557 เนื่องจากมีความประพฤติไม่ดี นอกจากนี้ยังมีรายงานว่านายแพทริค เคลลี มีปากเสียงกับแม่ยาย ก่อนพกปืน 3 กระบอกไปก่อเหตุสะเทือนขวัญ
ขณะที่อีกหลายประเทศก็มีความรุนแรงจากอาวุธปืนเกิดขึ้นเช่นกัน โดยที่ประเทศกรีซ มือปืน 2 คนกราดยิงสำนักงานใหญ่พรรคการเมืองของกลุ่มสังคมนิยม ย่านใจกลางกรุงเอเธนส์ ขณะเกิดเหตุมีคนอยู่ในพรรคประมาณ 30 คน แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงร้านค้าที่อยู่ติดๆ กันได้รับความเสียหาย คาดว่าสาเหตุจะมาจากเรื่องทางการเมือง
ส่วนที่ประเทศบราซิล ตำรวจตรวจจับอาวุธได้จำนวนมากในรถยนต์คันหนึ่งที่เมืองริโอเดอจาเนโร โดยเป็นอาวุธปืนไรเฟิล 61 กระบอกและปืนชนิดอื่นๆ อีก 100 กระบอก