สภาพความแออัดของผู้ป่วยนอก ที่มารอรับบริการรักษาที่โรงพยาบาลขอนแก่น บางคนต้องรอคิวนานถึง 3 ชั่วโมง บุคลากรทางการแพทย์ ต้องทำงานหนักญาติผู้ป่วยที่นอนตามจุดต่างๆ กลายเป็นภาพชินตาของผู้คนที่พบเห็น แต่ผู้ป่วย ญาติ และบุคคลากรทางการแพทย์
หลายคนสะท้อนตรงกันว่า เป็นความลำบากที่พวกเขาทนได้และมองว่าปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข คือการจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้เพียงพอต่อการช่วยชีวิตผู้ป่วย
โรงพยาบาลขอนแก่น เป็น 1 ใน 11 โรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการก้าวคนก้าว ฯ ได้รับเงินบริจาคจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยเป็นโรงพยาบาลศูนย์ที่ต้องรับผู้ป่วยโรคร้ายแรง ซึ่งถูกส่งต่อมาจากโรงพยาบาลหลายแห่ง งบประมาณที่ได้รับจึงไม่เพียงพอ ที่นี่ขาดแคลนเครื่องช่วยหายใจที่ทันสมัย เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้เครื่องรุ่นเก่า ที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2536 ส่วนเครื่องตรวจสวนหัวใจ มูลค่ากว่า 25 ล้านบาท ที่มีเพียงเครื่องเดียว จำเป็นต้องจัดซื้อเพิ่มเพื่อช่วยชีวิตคนไข้ปีละกว่า 1,600 คน ได้อย่างทันท่วงที
โรงพยาบาลขอนแก่นให้การรักษาผู้ป่วยวันละกว่า 3,000 คน หลายปีที่ผ่านมา พบผู้ป่วยโรคมะเร็ง และโรคหัวใจเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมาโรงพยาบาลได้เปิดรับบริจาคอย่างต่อเนื่อง สามารถสร้างศูนย์มะเร็งจากเงินบริจาคของพระสงฆ์และประชาชน ขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างศูนย์โรคหัวใจ ที่ต้องเปิดรับบริจาคอีกกว่า 100 ล้านบาท เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ยังชี้ให้เห็นว่าปัญหาของโรงพยาบาลจะเรียกร้องให้รัฐเพิ่มงบอย่างเดียวไม่ได้ และแม้โครงการก้าวคนละก้าว จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่สามารถแก้ปัญหาระบบสาธารณสุขได้ทั้งระบบ แต่อยากให้มองแยกส่วน เพราะเงินบริจาคทุกบาทมีความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพการรักษา ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มมากขึ้น