นศ.ไทยที่ถูกควบคุมในปากีสถานเดินทางกลับถึงไทยพรุ่งนี้ (13 มิ.ย.)
สถานีโทรทัศน์ Abbtakk ของปากีสถานรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวด้านความมั่นคงว่า ผู้ที่ถูกควบคุมตัวเป็นผู้ต้องสงสัยก่อเหตุจี้เครื่องบิน แต่เจ้าหน้าที่ของสนามบินรวบตัวได้เสียก่อนแผนการจี้เครื่องบินจึงล้มเหลว แหล่งข่าวให้ข้อมูลด้วยว่า ผู้ต้องสงสัย 3 คนถูกควบคุมตัวที่ห้องพักผู้โดยสารขาออกพร้อมกับอาวุธ ส่วนอีก 1 คนถูกนำตัวลงมาจากเครื่องบิน ทั้งหมดเป็นนักศึกษาไทยที่เรียนอยู่ที่ Swat Madrasah Masjid Al-Qasim แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่าผู้ต้องสงสัยมีแผนการจะจี้เครื่องบินของสายการบินไทยซึ่งเดินทางจากเมืองละฮอร์มาที่กรุงเทพฯ ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าว รวมทั้งตรวจสอบข้อบกพร่องในมาตรการรักษาความปลอดภัยของสนามบินละฮอร์ ว่าเหตุใดจึงปล่อยให้ผู้โดยสารที่พกอาวุธเข้าไปถึงห้องผู้โดยสารขาออกได้ (http://abbtakk.tv/en/security-agency-foil-plane-hijacking-attempt-from-l...)
นอกจากสถานีโทรทัศน์ Abbtakk แล้วเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ของปากีสถาน ชื่อ Onlineindus ยังรายงานข่าวไปในทิศทางเดียวกันโดยอ้างแหล่งข่าวว่านักศึกษาที่ถูกควบคุมตัวมีแผนการจะจี้เครื่องบิน (http://www.onlineindus.com/asf-arrest-5-thai-nationals-at-lahore-airport/)
ด้านนายอนุสิษฐ์ คุณากร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เปิดเผยว่านักศึกษาไทย 1 คน ยังถูกควบคุมตัวไว้สอบสวน ส่วนอีก 4 ถูกปล่อยตัวและจะเดินทางกลับถึงไทยพรุ่งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเข้าไปสอบสวนก่อน
ทั้งนี้มีข้อมูลว่านักศึกษาทั้ง 5 คนมีอายุระหว่าง 17-28 ปี มีภูมิลำเนาอยู่คนละจังหวัด ได้แก่ ปัตตานี, กระบี่, สงขลา, ตรังและฉะเชิงเทรา ก่อนหน้านี้ครอบครัวของทั้ง 5 คน ยืนยันกับตำรวจว่าบุตรหลานไม่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง
มารดาของนักศึกษาอายุ 28 ปีที่อยู่จ.ปัตตานี ซึ่งคาดว่าเป็น 1 คนที่ยังคงถูกควบคุมตัวอยู่ที่ปากีสถาน บอกกับตำรวจสันติบาลว่า ก่อนขึ้นเครื่องลูกชายโทรศัพท์มาบอกว่า มีกล่องที่ครูสอนศาสนาจากปากีสถานฝากมาให้เพื่อนในประเทศมาเลเซีย 1 กล่อง แต่เขาไม่ได้เปิดดูด้านในว่า ในกล่องคืออะไร หลังจากนั้นแม่ก็ยังติดต่อไม่ได้ กล่องใบนี้อาจจะบรรจุปืนเอาไว้ ทำให้นักศึกษาอายุ 28 ปีที่จังหวัดปัตตานี ยังถูกควบคุมตัวอยู่ตามข้อมูลของสภาความมั่นคงแห่งชาติ
แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธตั้งข้อสังเกตต่อรายงานที่ระบุว่าอาวุธปืนที่เจ้าหน้าที่ปากีสถานพบนั้นห่ออยู่ในกระดาษฟอยล์ว่า ไม่น่าจะมีนัยสำคัญอะไรเพราะกระดาษฟอยล์ไม่สามารถปิดบังอาวุธจากเครื่องสแกนได้ ทางด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผู้บัญชาการทหารบกตั้งข้อสังเกตว่าอาวุธดังกล่าวอาจเป็นการฝากมาเพื่อนำมาใช้งานเพราะอาวุธซึ่งเป็นอาวุธปืนพกขนาดเล็กขนาด 9 มม. ไม่สามารถนำไปก่อเหตุที่รุนแรงมากๆ ได้
"จริงแล้ว (การพกอาวุธปืน) เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อดูตามสภาพการณ์แล้ว น่าจะเป็นการฝากมาใช้งาน เพราะเป็นพื้นที่ที่หาปืนได้ง่าย อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้" พล.อ.อุดมเดชกล่าว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่าขณะนี้ยังตอบอะไรไม่ได้เพราะต้องรอการสอบสวนเพิ่มเติมต่อไปว่านักศึกษาตั้งใจเอาปืนไปทำอะไร แต่เชื่อว่านักศึกษาไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอส