นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยถึงสถานการณ์ของเต่ามะเฟือง ซึ่งเป็นเต่าทะเลหายากที่มีขนาดใหญ่ที่สุดโลกและเป็นสัตว์ป่าสงวน บัญชี 1 ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ว่า ขณะนี้สถานการณ์ของเต่ามะเฟืองค่อนข้างวิกฤตใกล้สูญพันธุ์ เนื่องจากไม่ขึ้นมาวางไข่เลยตลอด 4 ปีที่ผ่านมาคือตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน
โดยกรมอุทยานฯ ได้สำรวจและติดตามการขึ้นวางไข่ของเต่ามะเฟืองใน 2 อุทยานแห่งชาติ ที่มีประชากรเต่ามะเฟืองมากที่สุดคือ อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จ.พังงา กับ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล โดยพบว่าการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟืองบริเวณหาดไม้ขาว มีจำนวนน้อยมากและมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุมาจากการพัฒนาฟื้นที่ชายฝั่งและชายหาด ซึ่งเป็นการรบกวนแหล่งวางไข่ แหล่งหากิน และแหล่งอาศัยของเต่าทะเล
โดยครั้งสุดท้ายที่พบเต่ามะเฟืองขึ้นมาวางไข่ที่หาดไม้ขาวและหาดอื่นๆ ที่เป็นแหล่งวางไข่คือปี 2556 แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาไม่พบการขึ้นมาวางไข่ของเต่ามะเฟืองอีก ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเคยมีประชากรเต่ามะเฟืองจำนวนมากถึงกับต้องเปิดสัมปทานไข่เต่าก่อนปี 2518
นายณัฐพล รัตนพันธุ์ ผู้อำนวยการส่วนกิจการอุทยานแห่งชาติทางทะเล กรมอุทยานฯ กล่าวว่า สาเหตุที่เต่ามะเฟืองหายไปหรือใกล้สูญพันธุ์ มาจากการลักลอบเก็บไข่เต่าทะเลในฤดูวางไข่ทั้งเพื่อการบริโภคและการค้าขาย โดยไข่เต่ามะเฟืองขายกันใบละ 150 บาทและนิยมนำไปทำไข่ต้มหรือยำไข่เต่า เพราะเชื่อกันว่าเป็นอาหารบำรุงร่างกาย นอกจากนี้ยังมาจากสาเหตุการทำประมงชายฝั่งที่ใช้เครื่องมือประมงหลายชนิด เช่น อวนรุน อวนลาก อวนลอย อวนติด เบ็ดราว ที่เต่ามะเฟืองมักจะถูกจับและติดเครื่องมือประมงตาย
ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้อุทยานฯ ทางทะเลเข้มงวดด้านกฎหมาย เพิ่มตรวจตราการทำประมงที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการทำประมงอวนลาก อวนลอยขนาดใหญ่ในระยะ 3 กิโลเมตรจากฝั่ง และระงับการทำประมงด้วยเครื่องมืออวนลอยและเบ็ดราวในระยะใกล้ฝั่งหน้าบริเวณชายหาดที่เป็นแหล่งวางไข่ รวมทั้งควบคุมไม่ให้มีการปั่นไฟในรัศมี 3 ไมล์ทะเล