นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่จะรับรองให้นครเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ อย่างที่อดีตประธานาธิบดีคนก่อนๆ เคยให้สัญญาไว้ตอนรณรงค์หาเสียง แต่ไม่สามารถทำได้ และการตัดสินใจครั้งนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดของสหรัฐอเมริกาและเพื่อสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
โดยจะเริ่มออกแบบและก่อสร้างสถานทูตสหรัฐฯ ในเยรูซาเล็ม ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาหลายปี และหากการก่อสร้างแล้วเสร็จจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสันติภาพในตะวันออกกลาง นอกจากนี้ทรัมป์ยังระบุว่า สหรัฐฯ จะให้การสนับสนุนการตั้งรัฐปาเลสไตน์และอิสราเอลควบคู่กัน หากทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องกัน
ท่าทีของผู้นำสหรัฐฯ มีขึ้นหลังจากทรัมป์ได้โทรศัพท์ไปแจ้งประธานาธิบดีปาเลสไตน์และผู้นำประเทศต่างๆ ว่าต้องการย้ายสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ในอิสราเอล ไปยังนครเยรูซาเล็ม จนส่งผลให้เกิดกระแสต่อต้านของผู้นำโลกอาหรับและหลายฝ่ายทั่วโลก แต่มีเพียงผู้นำอิสราเอลที่ออกมาแสดงการสนับสนุนประธานาธิบดีสหรัฐฯ
โดยนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ยกย่องการตัดสินใจของทรัมป์ที่รับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และจะย้ายสถานทูตสหรัฐฯ ในอิสราเอลไปยังสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างนครเยรูซาเล็ม
มาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์
ขณะที่ผู้นำทั่วโลกประสานเสียงคัดค้านการตัดสินใจครั้งนี้ โดยนายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ปฏิเสธการรับรองของทรัมป์ พร้อมระบุว่ามาตรการของผู้นำสหรัฐฯ เป็นการให้รางวัลแก่อิสราเอลที่ปฏิเสธข้อตกลงและท้าทายกฎหมายระหว่างประเทศ และสหรัฐฯ สนับสนุนนโยบายแบ่งแยกสีผิวและกวาดล้างกลุ่มชาติพันธุ์
ด้านนายแอนโตนิโอ กูร์เตเรส เลขาธิการสหประชาชาติ ระบุว่า การแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์มีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือการเจรจาระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ดังนั้นเขาจึงคัดค้านมาตรการที่ดำเนินการฝ่ายเดียว และเสี่ยงต่อการทำลายสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์
ส่วนนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แสดงความเสียใจและไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของทรัมป์ พร้อมกับยืนยันอีกครั้งว่าสถานะของนครเยรูซาเล็มขึ้นอยู่กับการเจรจาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ภายใต้ความช่วยเหลือจากองค์การสหประชาชาติเท่านั้น
นครเยรูซาเล็ม เป็นเมืองเก่าแก่ที่สำคัญและเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากเป็นแหล่งกำเนิดของหลายศาสนาสำคัญในโลก
นอกจากนี้ยังมีประเด็นขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ซึ่งต่างฝ่ายต่างระบุว่า เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของทั้ง 2 รัฐ โดยอ้างอิงถึงสถานที่สำคัญของศาสนายูดายและศาสนาอิสลามที่ตั้งอยู่ในเขตเยรูซาเล็ม การที่ทรัมป์ตัดสินใจประกาศรับรองให้นครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล จึงกระพือความโกรธแค้นในหลายประเทศมุสลิม
ภายหลังจากทรัมป์ประกาศรับรองให้นครเยรูซาเล็ม เป็นเมืองหลวงของอิสราเอล ยังทำให้ประชาชนหลายร้อยคนมารวมตัวหน้าสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงอังการาและสถานกงสุลในนครอิสตันบูลของตุรกี เพื่อประท้วงการตัดสินใจของทรัมป์ โดยกลุ่มผู้ประท้วงเผากระดาษรูปธงชาติอิสราเอลและเขียนคำว่าปลดปล่อยปาเลสไตน์ บนกำแพงของสถานกงสุล พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้นำสหรัฐฯ ตัดสินใจใหม่อีกครั้ง
ขณะที่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในเลบานอนจำนวนหนึ่ง เดินขบวนไปตามท้องถนนในเมืองซีดอน ทางตอนใต้ของประเทศ โดยพวกเขาระบุว่าจะอยู่ที่นี่จนกว่าทรัมป์จะยกเลิกการตัดสินใจรับรองให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
การตัดสินใจของทรัมป์ถือเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายปี 1995 ของสหรัฐอเมริกา ที่กำหนดให้ย้ายสถานทูตสหรัฐฯ ไปเยรูซาเล็ม อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ หลายคนก่อนหน้านี้ เช่น บิล คลินตัน, จอร์จ ดับเบิล ยู บุช และบารัก โอบามา ต่างใช้คำสั่งประธานาธิบดีเพื่อเลื่อนการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวออกไป เนื่องจากเกรงว่าจะกระพือความขัดแย้งในตะวันออกกลาง