วันนี้(27 ธ.ค.2560) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางออกต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 โดยคาดว่า ในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ จะเป็นวันที่มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก จึงแนะนำให้เริ่มทยอยออกเดินทางล่วงหน้า ตั้งแต่วันนี้ และวันพรุ่งนี้ (28ธ.ค.) เพื่อป้องกันปัญหาการจราจรติดขัด
และกำชับสถานีตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล 88 สถานี ให้ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 โดยการบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด
โดยมาตรการที่ 1 คือ เรื่องสวมหมวกกันน็อก สำหรับผู้ที่ขับขี่หรือซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ต้องสวมหมวกกันน็อก 2. เมาไม่ขับ และ 3. การดูแลสถานบริการในพื้นที่เซฟตี้โซน ที่มีการเฉลิมฉลอง
ส่วนผ่อนปรนเวลาเปิดปิดสถานบริการ ระหว่างวันที่ 31 ธ.ค.นี้ต่อเนื่องไปในวันที่ 1 ม.ค.2561 ยอมรับว่า มีการผ่อนผันเรื่องเวลาตามความสมควร แต่จะไม่ผ่อนผันในเรื่องการดื่มสุราและขับขี่รถโดยเด็ดขาด
ส่วนการตั้งจุดตรวจ จุดสกัดจะเริ่มตั้งแต่ วันที่ 25 ธ.ค.- 3 ม.ค. 2561 ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน โดยกลางวันให้เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00-12.00 น.ช่วงกลางคืนให้เริ่มตั้งแต่ 17.00-03.00 น. โดยให้เน้นในเส้นทางที่ต่อเนื่องกับสถานบริการและจุดที่มีการจัดงานเคาท์ดาวน์
ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า ได้สั่งการไปยังตำรวจทั่วประเทศ โดยได้รับการประสานจากกรมทางหลวงชนบทว่า มีจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทั่วประเทศทั้งหมด 61 จุด โดยทั้ง 61 จุดจะมีตำรวจตั้งด่านกวดขันวินัยจราจร โดยหากพบว่าตำรวจปล่อยปละละเลยให้เกิดอุบัติเหตุที่มีสาเหตุมาจากเมาแล้วขับในรัศมีท่าอยู่ใกล้ด่าน ตำรวจที่รับผิดชอบด่านนั้นจะต้องรับโทษทางวินัย
ส่วนกรณีกลุ่มรถบิ๊กไบค์ ที่มีการลักลอบใช้เส้นทางที่ห้ามไว้ตามกฎหมาย ต้องถูกจับกุม และปรับตามกฎหมาย กรณีเป็นไบค์ทัวร์ เป็นการเดินทางเป็นกลุ่ม ขอให้ใช้ความระมัดระวัง ไม่ฝ่าฝืนกฎจราจรเพราะหากไม่ปฏิบัติตาม อาจเข้าองค์ประกอบเป็นการแข่งรถในทาง ขัดคำสั่ง คสช. ต้องโดนยึดรถ 7 วันตามกฎหมาย
ส่วนการโดยสารด้วยรถกระบะ ผ่อนผันให้นั่งท้ายกระบะได้ แต่ไม่อนุญาตให้นั่งที่ขอบกระบะ และห้ามไม่ให้มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถโดยเด็ดขาด