วันนี้ (4 ม.ค.2561) สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์เรื่อง ศรีสุวรรณประกาศขอซื้อต่อสุนัขบางแก้วจากนายกรัฐมนตรี ดังนี้
ตามที่สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบการกระทำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หน.คสช.เมื่อครั้งเดินทางไปเยี่ยมเยือนประชาชนและประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดพิษณุโลก-สุโขทัย โดยได้ลงพื้นที่เยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี พิษณุโลก (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ซึ่งได้ให้ความสนใจชมการเพาะเลี้ยงสุนัขพันธุ์บางแก้วของกลุ่มผู้เพาะเลี้ยงในพื้นที่ พร้อมกับซื้อลูกสุนัขบางแก้ว 3 ตัว เพื่อนำไปเลี้ยงเอง 1 ตัว และซื้อให้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ คนละหนึ่งตัว
โดยที่ลูกสุนัขบางแก้วที่นายกฯ ซื้อราคาตัวละ 6,000 บาท แต่นายกฯ ได้ให้เงินไป 25,000 บาท เพราะต้องการให้เป็นขวัญกำลังใจและเงินขวัญถุงแก่ผู้เพาะเลี้ยง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการให้หรือรับของขวัญซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ที่มีมูลค่าเกินกว่า 3,000 บาท อันมีความผิดตามมาตรา 103 แห่ง พรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม ประกอบข้อ 5(2) ของประกาศคณะกรรมการ ป.ป.ช. เรื่อง หลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ 2543 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่รัฐ 2544 ความดังทราบแล้วนั้น
แต่ทว่านายกรัฐมนตรี และ หน.คสช. ได้ออกมาประกาศแก้เกี้ยวเพื่อเลี่ยงกฎหมาย ป.ป.ช.ดังกล่าวว่า สุนัขพันธุ์บางแก้วทั้ง 3 ตัว ผู้ขายยังไม่ได้จัดส่งมาให้กับตน และตนพร้อมที่จะขายต่อหากมีผู้ใดต้องการนั้น เพื่อเป็นการตัดประเด็นปัญหาทางกฎหมาย ที่อาจจะมีการแอบกระทำการส่งมอบสุนัขดังกล่าวให้กับบิ๊กป้อมและบิ๊กฉัตร หรือผู้อื่นได้ในอนาคต
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงใคร่ขอประกาศรับซื้อสุนัขทั้ง 2 ตัวจาก ฯพณฯนายกรัฐมนตรี ในราคาเดียวกันกับที่ชาวบ้านที่พิษณุโลกขายให้คือตัวละ 6,000 บาท โดยไม่รวมค่าจัดส่งและค่าวัคซีน
ทั้งนี้ หากฯพณฯนายกรัฐมนตรี ได้รับสุนัขดังกล่าวแล้วและพร้อมที่จะขายให้เมื่อใด กรุณาให้คนงานหรือพ่อบ้านของนายกฯ แจ้งมายังสมาคมฯ ได้ทันที เพื่อที่จะเดินทางไปรับสุนัขดังกล่าว ตามวันเวลาและสถานที่ที่กำหนดต่อไป
พร้อมกับจะตั้งชื่อให้สุนัขทั้ง 2 ตัวว่า “น้องปรองดอง” และ “น้องสมานฉันท์” เพื่อสะท้อนว่าเป็นสุนัขที่นายกฯ ขายให้ แต่หาก ฯพณฯนายกฯไม่ขายให้จริงดังคำพูด สมาคมฯ ก็จะแจ้งให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบติดตามทั้งในระยะสั้นและระยาวต่อไปว่าสุดท้ายแล้วสุนัขดังกล่าวไปอยู่กับใคร