หลังจากเจ้าของร้านกาแฟ Jungle de Cafe ทางขึ้นดอยม่อนแจ่ม จ.เชียงใหม่ ยอมรื้อศาลาริมน้ำตกที่สร้างขึ้นเพื่อให้บริการลูกค้าแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ยังแจ้งดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่า ซึ่งเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ ปี 2507 หลังพบว่าศาลาริมน้ำบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติแม่ริม พื้นที่ประมาณ 20 ตารางวา
จากการตรวจสอบ ของกรมป่าไม้ พบว่าร้านกาแฟแห่งนี้ อยู่ในสถานประกอบกิจการโป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์ (ม่อนแจ่มซิปไลน์) ตั้งอยู่ท้องที่บ้านโป่งแยงนอก ม.2 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งถูกดำเนินคดีไว้ก่อนหน้านี้
วันที่ 19 ต.ค. 2560 นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบ.ตำรวจท่องเที่ยว หัวหน้าชุดพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ และสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานประกอบกิจการซิปไลน์ โป่งแยงจังเกิ้ลโคสเตอร์แอนด์ซิปไลน์ ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม
ตรวจยึดพื้นที่ดำเนินคดีกิจกรรมโหนสลิง (Zipline) เนื้อที่ 3-0-04 ไร่ จำนวนฐานสลิง 31 ฐาน ระยะทางเครื่องเล่นโหนสลิง 1,674 เมตร ผู้กระทำผิด 1 คน และแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.แม่ริมตาม ปจว.ข้อที่ 13 เวลา 20.30 น. คดีที่ 239/60 ลว.19 ต.ค.60 สถานะคดี อยู่ในชั้นพนักงานอัยการ
วันที่ 4 ม.ค.2561 คณะเจ้าหน้าที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ สำนักงานทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กอ.รมน.เชียงใหม่ ฝ่ายปกครอง อ.แม่ริม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 สำนักงานที่ดิน สาขาแม่ริม สำนักงานโยธาธิการและผังเมือง เชียงใหม่ สภ.แม่ริม และอบต.โป่งแยงได้ร่วมกันประชุมกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อออนไลน์ ว่ามีการตั้งร้านกาแฟ ชื่อ Jungle de cafe อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่มีสภาพป่าสมบูรณ์ มีน้ำตกไหลผ่าน ท้องที่บ้านโป่งแยงนอก ม.2 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ที่ประชุมได้มีมติให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายลงพื้นที่ตรวจสอบในวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา
วันที่ 9 ม.ค.2561 คณะเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกันตรวจสอบพื้นที่ที่มีการตั้งร้านกาแฟ Jungle de cafe ตรวจพบสิ่งปลูกสร้างที่อยู่ตรงข้ามร้านกาแฟ ซึ่งมีน้ำตกไหลผ่าน มีสะพานแขวนเชื่อมโยงจากร้านกาแฟ เป็นพื้นที่ก่อสร้างเพิ่มเติม รุกล้ำลำห้วย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม เนื้อที่ 20 ตารางวา ส่งเรื่องแจ้งความ สภ.แม่ริม คดีอาญาที่ 21/61 ลว. 9 ม.ค.2561
วันที่ 9 ม.ค.2561 คดีตรวจยึดพื้นที่ทั้ง 2 คดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้สั่งการให้มีการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ซึ่งสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ จะได้เร่งรัดดำเนินการโดยด่วน
วันที่ 9 ม.ค.2561 เจ้าของร้านกาแฟ ให้คนงานรื้อศาลาริมน้ำตก และสะพานแขวน โดยระบุว่าเพิ่งเปิดให้บริการกว่า 3 สัปดาห์ แต่หลังมีกระแสความไม่เห็นด้วย ในสื่อสังคมออนไลน์ ทางร้านจึงทำการรื้อถอนศาลา และให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้อง
วันที่ 10 ม.ค.2561 นายอรรถพล ยืนยันว่า การที่ผู้ประกอบการยังมีการทำกิจการเพิ่มเติมในพื้นที่ที่ถูกยึดดำเนินคดีแรกเมื่อ 19 ต.ค.2560 แสดงว่ามีเจตนาในการกระทำความผิด จึงไม่สามารถอ้างว่าขาดเจตนาได้
นอกจากการดำเนินคดีอาญาแล้ว จะมีการเรียกเสียหายทางคดีแพ่งกรณีที่ทำให้เกิดความเสียทางสิ่งแวด ล้อม ทั้งต้นไม้ ตะกอนดิน และสภาพแวดล้อมรอบพื้นที่ ซึ่งอยู่ระหว่างคำนวณความเสียหายควบคู่ไปกับการฟ้องคดีอาญา โดยเฉลี่ยจะคิดค่าเสียหายทางแพ่งเฉลี่ยไร่ละ 90,000-100,000 บาทตรงนี้สามารถทำได้ทันทีเนื่องจากพระราชบัญญัตป่าสงวนแห่งชาติ ฉบับแก้ไขให้ประเมินความเสียหายทางแพ่งควบคู่กับคดีไปได้ทันที
นายอรรถพล บอกว่า ภายในสัปดาห์หน้า ทางสำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 เชียงใหม่ เตรียมจะเข้าไปติดป้ายประกาศตามมาตรา 25 ให้เจ้าของรื้อถอนซิปไลน์ที่บุกรุกป่าแม่ริม ซึ่งต้องรอว่าเจ้าของกิจการจะอุทธรณ์หรือไม่
อ่านข่าวเพิ่มเติม
"ป่าไม้" สั่งรื้อ-ดำเนินคดีเพิ่มร้านกาแฟรุกป่าต้นน้ำม่อนแจ่ม
ร้านกาแฟรุกป่าแม่ริม "ยอมรื้อ" สะพานแขวน-ศาลาริมน้ำตก