วานนี้(15 ม.ค.2561) พ.ต.ท.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้าคดี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ร้องเรียนว่าถูกกลุ่มขบวนการคอลเซ็นเตอร์ นำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชีจนส่งผลให้เป็นผู้ต้องหาในคดีฉ้อ โกงว่า จากการตรวจสอบแผนประทุษกรรมของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ยอมรับว่ามีส่วนคล้ายกับขบวน การโรแมนซ์สแกม คือการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ผ่านโซเชียลมีเดีย ซึ่งยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ว่าทั้งสองขบวนการมีส่วนเชื่อมโยงกัน
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นพบเป็นขบวนการแก๊งโรแมนซ์สแกม สวมบัตรเปิดบัญชี ไม่ใช่ลักษณะการโทรศัพท์หลอกลวงเหมือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนที่ยังไม่มีการชี้แจงคดีชัดเจน เนื่องจากขณะนี้ตำรวจยังอยู่ระหว่างเร่งสอบสวนเส้นทางการเงิน คาดว่าวันที่ 17 ม.ค.นี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.จะสั่งการให้มีการแถลงข่าวภาพรวมของคดีทั้งหมด และยืนยันว่า ตำรวจยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งการตั้งข้อสังเกตการทำบัตรประชาชนใหม่บ่อยครั้งของครอบครัว น.ส.ณิชา รวมถึงเส้นทางการเงินต่างๆ ถ้าหากตรวจพบความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับคดีเพิ่มเติม ก็จะดำเนินการไม่ละเว้น แต่หากพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้องก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกกล่าวหา
ก่อนหน้านี้ น.ส.ณิชา ถูกพนักงานสอบสวน ทำการสอบปากคำเพิ่มเติมนานกว่า 12 ชั่วโมงโดย น.ส. ณิชา ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ เบื้องต้น พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผู้กำกับการ สน.ห้วยขวาง เปิดเผยว่า ประเด็นการสอบสวนเพิ่มเติมคือ เรื่องเงิน 6 ล้านบาท ในบัญชีและการทำบัตรประชาชนหลายครั้ง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด นอกจากการสอบปากคำ น.ส. ณิชา มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ยังสอบปากคำน้องชายของน.ส.ณิชา ให้ครบถ้วนในทุกประเด็น
แนะทำศัลยกรรมใบหน้าควรทำบัตรปชช.ใหม่
นายวิเชียร ชิดชนกนารถ ผอ.สำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยงานภาครัฐ และเอกชนควรมีการตรวจสอบเข้มงวดมากขึ้น หากมีบุคคลเข้ามาติดต่อ เช่น รูปภาพ และข้อมูลบัตรประชาชนว่าถูกต้องหรือไม่ เลขบัตร 13 หลัก เลขข้อมูลคำร้องขอทำบัตร เลขประจำ IC Ship ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าบัตรประชาชน มีการแจ้งหายแล้วหรือไม่ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลกับธนาคาร แต่ที่ผ่านมาธนาคารยังใช้วิธีการตรวจสอบวิธีนี้ค่อนข้างน้อย เนื่องจากไม่ได้มีข้อบังคับให้ทุกธนาคารใช้ เพียงแต่เป็นข้อควรปฏิบัติ
ด้านนายยงศักดิ์ เซี่ยงหลอ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ธปท. ได้กำชับให้ธนาคารทุกแห่งควบคุมตรวจสอบภายในเข้มงวดขึ้น ซึ่งเมื่อเปิดบัญชีลูกค้าแล้วต้องติดตามผลว่ามีการให้บุคคลอื่นถือบัญชีแทนหรือไม่
ส่วนกรณีที่ลูกค้าธนาคารมีการทำศัลยกรรมบนใบหน้าแตกต่างจากภาพในบัตรประชาชน ธนาคารจะต้องให้ลูกค้าไปทำบัตรประชาชนใหม่ หรือมีใบรับรองจากแพทย์ชัดเจนว่าไปทำศัลยกรรมมา อย่างไรก็ตามในอนาคตหากมีการนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชี และสร้างความเสียหายเกิดขึ้น ทางผู้บริหารธนาคารจะต้องมีส่วนรับผิดชอบฐานประมาทเลินเล่อ