วันนี้ (1 ก.พ.2561) นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวภายหลังประชุมติดตามความคืบหน้างานรื้อถอนย้ายพระเมรุมาศ อาคารประกอบ และงานภูมิทัศน์ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นประชุมเตรียมการเพื่อรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการรื้อถอนพระเมรุมาศ อาคารประกอบพระเมรุมาศ และภูมิทัศน์ ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รับทราบความคืบหน้าการรื้อถอนพระเมรุมาศ รวมทั้งแจ้งข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งกำชับเรื่องการรื้อถอนและการเคลื่อนย้ายส่วนต่างๆ ของพระเมรุมาศ รวมทั้งบอร์ดนิทรรศการ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี กำชับว่าต้องเก็บรักษาให้ดี ไม่ตากแดดและโดนฝน และจัดเก็บในที่เหมาะสม รวมทั้ง ให้มีการจัดทำแผนการนำไปใช้ประโยชน์ให้ชัดเจน ตลอดจนการอนุรักษ์และส่งมอบวัสดุให้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป
นายวีระ กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบแผนการรื้อย้ายพระเมรุมาศ อาคารประกอบและภูมิทัศน์ ซึ่งขณะนี้กรมศิลปากร(ศก.) ได้แต่งตั้งผู้ควบคุมการรื้อถอน เคลื่อนย้ายและจัดเก็บพระเมรุมาศ อาคารประกอบและงานภูมิทัศน์ เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามแผนงานและสมพระเกียรติ โดยแบ่งออกเป็น 9 ส่วนงาน ได้แก่ 1.ผู้ควบคุมรื้อถอนการเคลื่อนย้ายจัดเก็บพระเมรุมาศ อาคารประกอบและงานภูมิทัศน์ 2.งานก่อสร้างสถานที่จัดเก็บประติมากรรม 3.พระที่นั่งทรงธรรม 4.ศาลาลูกขุน 1 จำนวน 4 หลัง 5.ศาลาลูกขุน 2 จำนวน 2 หลัง 6.ศาลาลูกขุน 3 จำนวน 5 หลัง 7.ทิมและทับเกษตร พลับพลายกสนามหลวง 8.อาคารนอกมณฑลพิธีสนามหลวง และ 9.งานภูมิทัศน์
นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการรื้อถอนเคลื่อนย้ายและจัดเก็บพระเมรุมาศ อาคารประกอบและงานภูมิทัศน์โดยขณะนี้ภาพรวมในการรื้อถอนโดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 26 และจะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค.นี้ แบ่งเป็น พระเมรุมาศ มีความคืบหน้าร้อยละ 28 โดยขั้นตอนขณะนี้ได้รื้อย้ายงานสถาปัตยกรรม งานไฟฟ้า ประติมากรรมรูปปั้น สระอโนดาต และรื้อบล็อกปูพื้น และได้เคลื่อนย้ายพระจิตกาธานและฉากบังเพลิง มาเก็บรักษาไว้ที่โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ส่วนประติมากรรมทั้งหมด เคลื่อนย้ายไปจัดเก็บที่อาคารจัดเก็บประติมากรรม สำนักช่างสิบหมู่ ศาลายา ทั้งนี้เมื่อรื้อย้ายสถาปัตย กรรมและประติมากรรมทั้งหมดแล้ว จะรื้อย้ายฐานรากและถมดิน เพื่อคืนสภาพสถานที่ก่อสร้างให้แก่กรุงเทพมหานคร สำหรับแผนการรื้อย้ายพระเมรุมาศใช้เวลา 55 วัน
ส่วนพระที่ทรงธรรม รื้อถอนคืบหน้าร้อยละ 25 ขั้นตอนการรื้อย้าย ขณะนี้ได้รื้อย้ายงานสถาปัตยกรรม งานไฟฟ้า งานระบบปรับอากาศ สุขภัณฑ์ ต้นไม้และรื้อบล็อกปูพื้นรอบอาคาร หลังจากนี้จะรื้อย้ายตามแผนงานที่กำหนดโดยใช้เวลา 60 วัน ศาลาลูกขุน 1 คืบหน้า ร้อยละ 314. ศาลาลูกขุน 2 คืบหน้า ร้อยละ 35 ศาลาลูกขุน 3 ความคืบหน้า ร้อยละ76 ทิมและทับเกษตร คืบหน้า ร้อยละ 35 ส่วนพลับพลายก สนามหลวง คืบหน้า ร้อยละ 41 พลับพลายก หน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ คืบหน้าร้อยละ 17 พลับพลายก หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม คืบหน้า ร้อยละ 17 เกยลา รื้อถอนแล้วเสร็จ 100% งานรื้อถอน ย้ายงานตกแต่งด้านภูมิทัศน์ คืบหน้าร้อยละ 21 ซึ่งในส่วนของต้นไม้ และกระถางเซรามิค ได้ขนย้ายและส่งมอบให้ผู้ดูแลและหน่วยงานต่างๆ เรียบร้อยแล้ว
และที่ประชุมได้รับรายงานความคืบหน้าในการรื้อถอนในส่วนของเศษวัสดุการก่อสร้างอื่นๆ จะดำเนินการฝังกลบและเผาทำลาย ณ บริเวณอุทยาประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา และสำนักช่างสิบหมู่ จ.นคร ปฐม ทั้งนี้ กรมศิลปากร ได้รายงานแผนการรื้อย้าย พระเมรุมาศ อาคารประกอบและภูมิทัศน์ ได้มอบหมายให้ผู้ที่ควบคุมดูแล และผู้ที่รื้อถอนดำเนินการรื้อย้ายอย่างเป็นระบบ และมีการคัดแยกชิ้นส่วนองค์ประกอบต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งมีการเก็บรักษาอย่างเรียบร้อย