วันนี้ (14 ก.พ.2561) ความคืบหน้าคดีสลากฯ 30 ล้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ผลทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ยอมรับว่าบางอย่างอาจจะแตกต่างแต่ไม่ได้ถึงขนาดไปคนละทิศทาง กับผลของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และยอมรับว่าคดีนี้จะคล้ายๆ กับกรณีครูจอมทรัพย์ที่มีการกระทำเป็นขบวนการ ทั้งนี้ยืนยันว่าคดีนี้เมื่อถึงที่สุดแล้ว จะต้องมีผู้ถูกดำเนินคดีแน่นอน
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า ขอเวลาตำรวจทำงานอีกระยะหนึ่ง เพื่อความละเอียดรอบคอบจะได้หาคำตอบที่ถูกต้องและตอบสังคมได้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นกรณีศึกษาเป็นปรากฏการณ์ของสังคม ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่คดีธรรมดา แต่ต้องมองว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร
ทั้งนี้ขอยืนยันว่าจะทำให้สมบูรณ์ในทุกประเด็นกระจ่างชัดทุกข้อสงสัย รู้ว่าใครผิดใครถูก มีบุคคลใดเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวบ้าง ทำหน้าที่อย่างไร ใครเป็นตัวการ หรือเป็นผู้ร่วมสนับสนุน ต้องพิจารณาและให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย บางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจเกี่ยวข้อง แต่อาศัยความเป็นพวกพ้อง และเชื่อว่าคนนี้เป็นคนดีจึงออกมาช่วยกัน
ขณะที่เมื่อวานนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ฐิติราช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เรียกประชุมเพื่อกำหนดแนวทางการสอบสวนในคดีนี้ โดยได้เน้นกำชับให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยให้ความสำคัญกับหลักฐานที่ได้ในที่เกิดเหตุ คือบริเวณตลาดเรดซิตี้ อ.เมืองกาญจนบุรี มากกว่าที่จะให้ความสำคัญกับพยานแวดล้อมที่มีน้ำหนักน้อยกว่า
นอกจากนี้ยังให้ติดตามหาพยานแวดล้อมอื่น ๆ เพื่อพิสูจน์ความจริงให้ได้มากที่สุด อาทิ สลากฯหมายเลขที่นายปรีชา อ้างในคลิปว่าไม่ถูกรางวัล รวมทั้งให้พิสูจน์ทราบให้แน่ชัดว่า ร.ต.ท. จรูญ ซื้อสลากฯ จากแม่ค้าคนใดแน่ เพราะที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ร.ต.ท.จรูญ ยังยืนยันคำให้การเดิมว่าจำไม่ได้ ว่าซื้อจากแม่ค้าคนไหน หากพิสูจน์ได้จะทำให้เกิดความเป็นธรรมในคดีมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ในที่ประชุมได้นำหลักฐานต่างๆ ทั้งการสอบสวนปากคำพยานและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มารวบรวมจนสรุปทิศทางได้แน่ชัดแล้วว่าใครเป็นเจ้าของสลากฯ ที่แท้จริง เพียงแต่รอการสอบปากพยานบางปากเพิ่มเติมประกอบสำนวนการสอบสวนเท่านั้น
ขณะเดียวกันกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อที่จะเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องจนทำให้สลากฯ งวดนี้เกิดปัญหา ซึ่งพบว่ามีการกระทำความผิดกันเป็นขบวนการ เบื้องต้นพบการกระทำความผิดที่ชัดเจน 1 คน พนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วพบว่า เป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 174 คือ ผู้ใดรู้ว่ามิได้มีการกระทำความผิดเกิดขึ้น แต่แจ้งข้อความแก่พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา เพื่อจะแกล้งให้บุคคลใดต้องรับโทษหรือรับโทษหนักขึ้น ผู้กระทำผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้คาดว่าจะสรุปสำนวนและออกหมายจับผู้กระทำความผิดได้ไม่เกินสิ้นเดือน ก.พ.นี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"ครูปรีชา" ปัดมีเซฟเฮาส์ติวเข้มคดีหวย 30 ล้าน
ศาลนัด "ครูปรีชา-ร.ต.ท.จรูญ" ไต่สวนอายัดเงินคดีหวย 30 ล้าน
กองปราบฯ พบหลักฐาน ยืนยันเจ้าของสลาก 30 ล้านบาท