บรรยากาศตลาดสดย่าน จ.นนทบุรี เงียบเหงา เนื่องจากประชาชนมาซื้อสินค้าน้อยลง โดยนายบุรินทร์ แก้วสุวรรณ เจ้าของร้านเสื้อระบุว่า ตั้งแต่ผ่านพ้นช่วงปีใหม่และเทศกาลตรุษจีน กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ดีและระมัดระวังการจับจ่าย โดยจะซื้อสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น ขณะที่แม่ค้าขายผักในตลาดย่านจตุจักร กล่าวว่า จำนวนผักที่นำมาขายลดลง เพราะผู้บริโภคซื้อสินค้าน้อยลง ส่วนหนึ่งเพราะยังไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว
ด้านกัลยา ขวัญแย้ม ผู้บริโภค ระบุว่าจะเลือกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น ข้าวสาร น้ำมัน และจะลดสินค้าที่ไม่จำเป็นลง เช่น เสื้อผ้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
ด้าน ผศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า แม้ช่วงเทศกาลตรุษจีนและวาเลนไทน์จะมีเม็ดเงินสะพัดกว่า 60,000 ล้านบาท แต่ผู้บริโภคยังระมัดระวังการจับจ่าย แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังกำลังซื้อจะดีขึ้น เนื่องจากนโยบายภาครัฐที่เข้ามาช่วยกระตุ้นการบริโภค ทั้งการปรับขึ้นค่าแรง การเพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่จะเข้ามาแก้หนี้ให้ผู้มีรายได้น้อย จะส่งดีต่อยอดขายของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี
รวมถึงโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี หากรัฐบาลสามารถดำเนินได้ตามนโยบายทั้งหมด เชื่อว่า จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า คาดว่าปี 2561 เศรษฐกิจจะขยายตัวร้อยละ 4.2 และการส่งออกเติบโตได้ร้อยละ 5
ในวันพรุ่งนี้ (19 ก.พ.2561) สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เตรียมประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีที่ผ่านมาและแนวโน้มของปี 2561 ซึ่งจากการสำรวจความคิดเห็นจากสำนักพยากรณ์เศรษฐกิจหลายๆ แห่ง คาดว่าจีดีพีไทยจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 4