เพียง 3 วัน ที่ Black Panther เข้าฉาย สามารถทำรายได้จากทั่วโลกถึง 361 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับเป็นความสำเร็จของ Marvel Studios ในการผลักซูเปอร์ฮีโรผิวสีคนใหม่ให้เป็นขวัญใจของผู้คน ชาวผิวสีนับแสนต่างตีตั๋วเข้าชม Black Panther อย่างล้นหลาม เช่น ที่เมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี มีเด็กและครอบครัวจำนวนมากแต่งตัวเลียนแบบตัวละคร รวมทั้งนำเครื่องดนตรีพื้นเมืองมาแสดงกันถึงหน้าโรง ขณะที่กระแสการแต่งกายในภาพยนตร์ยังถูกต่อยอดไปจัดแสดงใน New York Fashion Week อีกด้วย
แต่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่า คือการถ่ายทอดวัฒนธรรมแอฟริกันไปสู่สังคมวงกว้าง ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของ Ryan Coogler ผู้กำกับและหนึ่งในทีมเขียนบท คือเรียกร้องให้ผู้ชม โดยเฉพาะคนเชื้อสายแอฟริกันหันกลับมาตระหนักถึงคุณค่าชีวิตของตัวเองอีกครั้ง แฟนภาพยนตร์คนหนึ่ง กล่าวว่า เธอรู้สึกตื่นเต้นมากเพราะหนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอแง่มุมเดิมๆ อย่างเช่นเรื่องทาสหรือความยากลำบาก แต่เลือกที่จะพูดถึงมิติใหม่ๆ โดยเฉพาะศักยภาพของคนผิวสีที่แข็งแกร่งไม่แพ้ใครๆ ในโลก
แรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ Cloogler เลือกนำเสนอภาพยนตร์ในมุมนี้มาจากการที่คนเชื้อสายแอฟริกันจำนวนไม่น้อยยังรู้สึกมีปมด้อย เพราะถูกสังคมมองเป็นพลเมืองชั้นสอง และหลายครั้งที่ถูกตีตราด้วยภาพจำในสื่อว่าคนผิวสีมักยุ่งเกี่ยวกับอาชญากรรม ซึ่งสำหรับเขาแล้ว ความเป็นแอฟริกันคือสิ่งที่สวยงามและน่าภาคภูมิใจ จึงอยากให้ Black Panther เป็นตัวแทนถ่ายทอดความรู้สึกไปยังผู้ชมทุกคน ด้วยการสอดแทรกความเป็นแอฟริกันลงไปในรายละเอียดมากที่สุด ตั้งแต่ฉาก เครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ หรือแม้แต่ตัวอักษรที่ปรากฏในภาพยนตร์ก็มีต้นแบบจากอักษรโบราณของไนจีเรีย
นักวิจารณ์หลายคนให้ความเห็นว่า Black Panther ถือเป็นการปักหมุดความเป็นแอฟริกันลงบนโลกแผ่นฟิล์มอย่างสมบูรณ์แบบ Jamie Broadnax บรรณาธิการบริหารและผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Black Girl Nerds กล่าวกับ USA TODAY ว่า สิ่งที่ปรากฏในภาพยนตร์นั้นแตกต่างจากหนังสือการ์ตูนโดยสิ้นเชิง หลายฉากทำให้เธอเห็นตัวตนบางอย่างที่เคยมองข้ามไป ด้วยสังคมโลกมักจะตอกย้ำแต่เรื่องความยากจน ความยากลำบากเมื่อนึกถึงความเป็นแอฟริกัน ดังเช่นโจทย์สำคัญที่ทีมงานพยายามโยนให้ผู้ชมทุกคนได้ร่วมไตร่ตรองว่า หากทวีปแอฟริกาไม่ได้ตกเป็นเหยื่อของลัทธิล่าอาณานิคมและการค้าทาส บางทีภาพของแอฟริกาวันนี้อาจจะไม่เป็นอย่างที่ทุกคนคิดก็เป็นได้
ทวีปแอฟริกาตกเป็นอาณานิคมของชาติตะวันตก ตั้งแต่ปี 2428 ชาวพื้นเมืองถูกกดขี่และไม่ได้รับการศึกษา และส่งผลต่อการพัฒนาจนถึงทุกวันนี้