วันนี้ (2 มี.ค.2561) นายสมศักดิ์ ดลประสิทธิ์ เลขาธิการคุรุสภา กล่าวถึงกรณีนายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษ จ.กาญจนบุรี ถูกตั้ง 3 ข้อหา คดีสลากกินแบ่งรัฐบาล 30 ล้านบาท ว่า นายปรีชามี 2 สถานะ คือ การอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นประเด็นวินัย และอีกสถานะคือสมาชิกที่ขึ้นทะเบียนขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ซึ่งมีกฎหมายในการกำกับดูแลความประพฤติ หรือจรรยาบรรณวิชาชีพ ต้องตรวจสอบว่ามีพฤติกรรมใดเข้าข่ายผิดจรรยาบรรณหรือไม่ โดยมี พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ตั้งแต่มาตรา 52-54
ทั้งนี้ หากสอบสวนไม่พบความผิดจะยกข้อกล่าวหา ส่วนกรณีมีความผิดจริงจะมีโทษตั้งแต่ตักเตือน ภาคภัณฑ์ พักใช้ หรือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู โดยคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและจะลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ภายในสัปดาห์หน้า
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นพฤติการณ์ของนายปรีชาไม่เข้าข่ายร้ายแรงที่ต้องพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทันที ได้แก่ กรณีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ค้ามนุษย์ การละเมิดทางเพศ และคดีอาญาเกี่ยวกับทรัพย์และการทุจริตต่อหน้าที่ จึงต้องดำเนินการตามขั้นตอนปกติ คือ เลขาฯ กล่าวโทษจากพฤติกรรม เช่น อาจเข้าข่ายผิดวินัยต่อตนเอง ขาดความรับผิดชอบกระตือรือร้น การเป็นแบบอย่างที่ดี ซื่อสัตย์สุจริต จากนั้นจะตั้งกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง หากพบมีมูลความผิด จะตั้งอนุกรรมการสอบสวนจรรยาบรรณ เมื่อสอบสวนแล้วเสร็จจะมีการพิจารณาโทษต่อไป
เท่าที่ดูความผิดจรรยาบรรณ คือเรื่องการประพฤติตนเป็นแบบอย่าง ต้องดูว่ามีผลทำให้นักเรียนนำไปเป็นแบบอย่างหรือไม่ ครูปรีชาเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหา 3 ข้อหา ยังไม่ได้ถูกตัดสิน ในทางจรรยาบรรณเราจะตัดสินทันทีก่อนศาลไม่ได้ แต่ไม่ได้นิ่งดูดายและต้องสืบคู่ขนานกันไปว่าผิดจริงหรือไม่