ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับในคืนต้อนรับปีใหม่ 1 ม.ค.2552 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตถึง 61 คน และบาดเจ็บกว่า 220 คน นอกจากการดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเหตุเพลิงไหม้แล้ว "ซานติก้าผับ" ยังถูกตรวจสอบเรื่องภาษีสรรพสามิตด้วย
คดีดังกล่าว อัยการได้ยื่นฟ้องนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือ เสี่ยขาว กรรมการผู้จัดการ บริษัทไวท์แอนด์บราเธอร์ส 2003 จำกัด ผู้บริหารซานติก้าผับ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิตตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต โดยระหว่างวันที่ 13 พ.ย.2546 - 31 ธ.ค.2551 ซึ่งจำเลยกับพวกร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิต ในการขอใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบและไพ่ โดยมีเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีสรรพสามิต ไม่ยื่นแสดงแบบรายการภาษีและไม่ชำระภาษีสรรพาสามิตรวมกว่า 85 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุกรวม 12 เดือน
ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันไม่ยื่นแบบรายการภาษี อัยการจึงยื่นฎีกาเพื่อให้ลงโทษจำเลยตามกฎหมาย ศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวานนี้ (14 มี.ค.2561)ว่า แม้บริษัทไวท์แอนด์บราเธอร์สฯ จะจดทะเบียนเปลี่ยนตัวกรรมการผู้มีอำนาจจากจำเลยเป็นบุคคลอื่นแล้ว แต่จำเลยยังคงเข้าไปดูแลกิจการของสถานบริการซานติก้าผับแต่เพียงผู้เดียว ทั้งด้านบริการลูกค้าและด้านการเงิน จึงแสดงให้เห็นว่ายังคงเป็นเจ้าของอยู่ จึงต้องมีหน้าที่ยื่นแบบรายการภาษีสรรพสามิตและชำระภาษีสรรพสามิต
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ให้จำเลยมีความผิดฐานจำคุกรวมทั้งสิ้น 7 เดือน ไม่สมควรรอการลงโทษ ภายหลังมีคำพิพากษาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายวิสุขไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ