เสนอเปลี่ยนภาคเรียนรับประชาคมอาเซียน
ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยมีมติเปลี่ยนภาคเรียนของนักศึกษา จากเดือน มิ.ย.เป็น ก.ย.เพื่อให้ตรงกับภาคเรียนของสมาชิกอาเซียน โดยคาดว่ามตินี้น่าจะเริ่มดำเนินการในปีการศึกษา 2555 หลังหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้ง
ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติเป็นเอกฉันท์ในการเตรียมความพร้อมมหาวิทยาลัยเข้าสู่ประชาคมอาเซียน โดยเลื่อนเปิดภาคเรียนให้เป็นสากล ตามประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 9 ประเทศ ซึ่งจะเปลี่ยนภาคเรียนที่ 1 จากเดิมในเดือน มิ.ย. เป็นเดือน ก.ย. ส่วนภาคเรียนที่ 2 จะเริ่มในเดือน มี.ค. จากเดิมที่เริ่มในเดือน พ.ย. ซึ่งการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสมาชิกอีก 9 ประเทศที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และจะเป็นประโยชน์ในการจัดกิจกรรมทางการศึกษา การแลกเปลี่ยนนักศึกษา การแลกเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูง เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558
ศ.ประสาท สืบค้า ประธาน ทปอ. ระบุว่า แม้ที่ประชุม ทปอ.จะมีมติในเรื่องนี้แล้ว แต่ยังเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น เพราะยังต้องรอให้สภามหาวิทยาลัยแต่ละแห่งให้ความเห็นชอบ ซึ่งรวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่มีมหาวิทยาลัยในสังกัด เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.), คณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาภาคเอกชน (สช.) ซึ่งหลังจากผ่านการหารือร่วมกันแล้ว ทปอ.ก็จะเสนอให้ รมว.ศึกษาธิการพิจารณาด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ในปีการศึกษา 2555
นอกจากการที่ไทยต้องปรับตัวเข้าหาการเข้าสู่ประเทศสมาชิกในประชาคมอาเซียนแล้ว ก็ยังมีอีกหลายประเด็นที่ประเทศสมาชิกต้องไปพิจารณาเพื่อให้สอดคล้องกัน เช่น จำนวนปีที่นักเรียนก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต้องเรียน โดยประเทศไทยและประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคใช้เวลาเรียน 12 ปี ขณะที่พม่าและฟิลิปปินส์ใช้เวลาเรียนเพียง 10 ปี ซึ่งต้องมาหารือกันว่าจะต้องออกแบบหลักสูตรสำหรับประเทศที่เรียนน้อยกว่า ให้เรียนเพิ่มเติมหรือไม่ เนื่องจากวิชาพื้นฐานต่างๆ ที่ไม่ตรงกันในแต่ละประเทศ อาจส่งผลกระทบต่ออัตราค่าจ้างหลังจบการศึกษา
ส่วนกรณีการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยซึ่งอาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนภาคเรียนครั้งนี้ เพราะต้องกำหนดกรอบการสอบคัดเลือกใหม่ เบื้องต้นยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิมที่ที่ประชุม ทปอ.ได้เห็นชอบไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ทั้งการยืนยันสิทธิ การตัดสิทธิ การออกบัตรประจำตัวผู้สอบ ซึ่งคาดว่า หลักเกณฑ์ทุกอย่างน่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน มี.ค. เพื่อไม่ให้ส่งกระทบต่อการแอดมิชชั่น