วันนี้ (10 เม.ย.2561) ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษา คดีที่บริษัท สยามสแตนดาร์ด เอนเนอจี้ จำกัด ฟ้อง ขสมก.ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองกรณีที่ ขสมก.มีมติโหวตจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีจากบริษัท ช.ทวี เป็นเท็จ ซึ่งศาลพิพากษาคุ้มครองชั่วคราวว่า การลงมติอนุมัติจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จากบริษัท ช.ทวี เป็นไปโดยมิชอบ และสั่งทุเลาบังคับใช้สัญญา โดยไม่ให้ ขสมก.ตรวจรับรถ และรับมอบรถเมล์เอ็นจีวีจากบริษัท ช.ทวี
เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ขสมก.ได้นำรถเมล์เอ็นจีวี 100 คัน ที่เพิ่งได้รับมอบ มาวิ่งให้บริการประชาชน ซึ่งคำสั่งศาลปกครอง อาจทำให้รถเมล์ทั้งหมด ต้องหยุดให้บริการและเดินหน้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ โดยระหว่างนี้ ขสมก.จะกลับไปพิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่
ขณะที่บริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ขสมก. กรณีที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาจัดซื้อจัดจ้างรถเมล์เอ็นจีวี โดยเรียกค่าเสียหายมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาทนั้น ศาลปกครองกลางพิพากษาว่า การบอกเลิกสัญญาของ ขสมก. เป็นไปโดยมิชอบ และสั่งให้ ขสมก.ชำระค่าเสียหายมูลค่ากว่า 1,100 ล้านบาทให้บริษัทเบสท์รินกรุ๊ป
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ผู้บริหาร บริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป เปิดเผยว่า บริษัทได้ปฏิบัติตามขั้นตอน และชนะการประมูลอย่างถูกต้องซึ่ง ขสมก. ได้ดำเนินการตรวจสอบ และรับมอบรถบางส่วนไปแล้ว แต่ ขสมก. กลับมายกเลิกสัญญาภายหลัง ซึ่งถือว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับรถเมล์ที่นำเข้ามา 489 คัน บางส่วนไม่มีการใช้งานกว่า1 ปี สร้างความเสียหายอย่างมาก แต่ยืนยันว่าพร้อมเจรจากับ ขสมก. เพื่อหาข้อยุติ ขณะเดียวกันจะยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อหาทางออกที่เป็นธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด