วันนี้ (23 เม.ย.2561) ทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ สัมภาษณ์นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความชื่อดังกรณีช่วยเหลือกลุ่มผู้เสียหายจากเครือข่ายบริษัท เมจิก สกิน จำกัด กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนก.พ.ที่ผ่านมาหลังจากรับเรื่องร้องเรียนมีผู้เสียหายจากบริษัท เมจิก สกิน ซึ่งจำหน่ายเครื่องสำอาง อาหารเสริม เมจิก สกิน จำนวนกว่า 400 คน ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า และกลุ่มที่จ้างให้บริษัทเมจิก สกินผลิตสินค้า ได้พาผู้เสียหายเข้าร้องเรียนที่สำนักงานผู้บริโภค และตรวจสอบแล้วพบว่ามีความไม่ชอบมาพากลจึงพาเข้าร้องเรียนที่กองปราบปราม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจนนำไปสู่การบุกทลายแหล่งผลิตสินค้าดังกล่าว พบเข้าข่ายฉ้อโกงหลอกหลวง
เบื้องต้นจาก 400 คนที่นำเอกสารมามอบให้กับทีมทนายแล้ว ในแต่ละสายจะมีคนที่อยู่ในสายอีกบางกลุ่มเป็น 100 คน ดังนั้นคาดว่าจะมีผู้เสียหายจากธุรกิจนี้หลัก 10,000 คนและมูลค่าความเสียหายประมาณ 500 ล้านบาท เพราะบางสายที่เป็นตัวแทนมีมูลค่าเงิน 60 ล้านบาท
สำหรับรูปแบบการหลอกลวงมีทั้งการขายตรงของเมจิก สกิน ที่มีการจัดหาลูกทีมรับสินค้าไปจำหน่าย เบื้องต้นมีคำแนะนำว่า คนที่เป็นลูกทีมรายย่อย ลงทุนไปแล้ว ยังเป็นผู้เสียหายไม่มีความผิดแนะนำว่าให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อจะเรียกเงินคืนที่ได้จากการอายึดยึดทรัพย์ของบริษัทนี้มาจ่ายคืนให้ผู้เสียหาย เพราะถ้าไม่ไปแจ้งความก็จะได้ไม่เงินคืน
นายรณณรงค์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันในกลุ่มของดารา นักแสดง เน็ตไอดอลที่รีวิวสินค้าเบื้องต้นส่งรายชื่อให้กับตำรวจไปแล้ว 16 คน และกำลังจะแจ้งเพิ่มล็อตที่ 2 คาดว่า 30-40 คนซึ่งกลุ่มดาราจะเรียกสอบสวนว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเข้าข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ให้คนเชือถือหรือไม่
เปิดใจผู้เสียหายได้สินค้าปลอมสูญ 6.5 ล้านบาท
ด้านน.ส.เกศกนก สนิทนาม หนึ่งในผู้เสียหายจ้างบริษัทเมจิกสกิน กล่าวว่า รู้จักเครือข่ายบริษัทนี้ผ่านทางคนชือเฟิร์น โดยต้องการผลิตสินค้าน้ำชง มีสรรพคุณบำรุงร่างกายยี่ห้อหนึ่ง โดยล็อตแรกเข้าไปทำสัญญาการผลิตประมาณเดือนก.ย.2560 จำนวน 80,000 กล่องตกลงราคากว่า 4 ล้านบาท แต่จ่ายมัดจำไปครั้งแรก 70% และได้รับสินค้า เมื่อนำมาวางขายล็อตแรกขายดีหมด จึงได้สั่งผลิตเพิ่มอีก 200,000 กลอง เงินมัดจำ 6.58 ล้านบาท
ในช่วงที่อยู่ระหว่างผลิตสินค้าล็อตที่สอง ปรากฎมีลูกค้าติดต่อว่าสินค้า ตรวจสอบแล้วไม่ตรงกับเลขที่อย.ที่แจ้งไว้ สั่งผลิตน้ำชง แต่เลขที่ได้รับเป็นแคปซูลนิ่ม เลยติดต่อบริษัทเมจิกสกิน เพื่อหาคำตอบให้กับลุกค้า แต่ได้รับคำตอบว่า เขาบอกว่าเราขอคิดคำตอบก่อน จึงตัดสินใจคืนเงินลูกค้าและเรียกคืนสินค้า และตัดสินใจว่าเราจะยุติการผลิตในล็อตที่สอง และต้องการขอคืนเงินมัดจำทั้งหมด
น.ส.เกศกนก กล่าวว่า พยายามติดต่อเพื่อขอเงินคืน แต่กลับถูกเขาพยายามยัดเยียดว่าเราเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด จึงเดินหน้าร้องกองปราบปราม กระทั่งบริษัทติดต่อกลับมาผ่านทางคนรู้จักว่าจะยอมคืนเงิน แต่ต้องไปรับเงินด้วยตัวเอง ซึ่งเวลานั้นคือประมาณ 20.00 น.ให้ไปรับเงินด้วยตัวเอง ห้ามบอกใคร ห้ามบอกนักข่าว จึงรู้สึกมั่นใจและขอดูสัญญาก่อนแต่เขาไม่ยอม
ตอนนี้ก็ยุติการจำหน่ายสินค้าของเรา และแสดงความรับผิดชอบที่สั่งผลิตกับโรงงานเมจิกสกิน โดยการโอนเงินลูกค้า และเรียกสินค้าทั้งหมดคืน ส่วนค่าเสียหายอยากเรียกร้องให้ได้เงินคืนทั้งหมดที่ลงทุนไป และเห็นบทลงโทษที่เหมาะสมกับคนกลุ่มนี้ ที่เขาโกงคนทั้งประเทศ
ส่วนผู้ค้ารายย่อยคนหนึ่งของสินค้าในเครือเมจิกสกิน ยอมรับว่า ได้รับผลกระทบมาก ในกลุ่มเพื่อนๆมีคนเสียหายที่ลงทุนสั่งสินค้า เพื่อนำมาจำหน่ายรวมแล้ว 1 ล้านบาท รู้สึกเครียดมาก ตอนนี้ได้เข้าไปแจ้งความแล้วและยากได้เงินที่ลงทุนไปคืนทั้งหมด
ยอมรับว่าไม่รู้ว่าผลิตภัณฑ์ที่นำมาจำหน่ายใช้เลขที่ อย.ปลอม และไม่ทราบมาก่อนว่าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ส่วนตัวเป็นเพียงผู้ค้ารายย่อยที่เห็นผลิตภัณฑ์นี้ขายดี และมีคำแนะนำบอกต่อๆมาก็เลยสนใจสั่งมาขายต่อ และขายตรงก็ได้รับเสียงตอบรับดี จึงได้ขายมาหลายเดือนแล้ว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
อย.สั่งระงับ-เพิกถอนใบจดแจ้ง ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง "เมจิกสกิน"
ตร.ขยายผลค้นโรงงานผลิตเครื่องสำอาง ย่านปทุมธานี