วันนี้ (30 เม.ย. 2561) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการ โอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานแถลงข่าว"ประเทศไทยเซ็นสัญญาคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018" ซึ่งจะจัดการแข่งขันขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.- 15 ก.ค.นี้ ที่ประเทศรัสเซีย
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้การเซ็นสัญญาคว้าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 กับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ผ่านทาง บริษัท อินฟรอนท์ สปอร์ต แอนด์ มีเดีย ผู้ถือลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในภูมิภาคเอเชีย ได้สำเร็จเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งการเจรจาที่ผ่านมา มีความล่าช้าไปเล็กน้อย เนื่องจากคิงเพาเวอร์ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนเจรจาในตอนต้น เพิ่งได้รับแจ้งถึงนโยบายข้อกำหนดของฟีฟ่าว่า จะเจรจาและลงนามในสัญญาเฉพาะกับบริษัทผู้ประกอบธุรกิจบรอดแคสติ้งเท่านั้น
ดังนั้น ในเวลาที่กระชั้นชิด เพื่อให้ฟีฟ่าอนุมัติ ได้รวดเร็วจะต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาระดับโลก จึงประสานให้บริษัท ทรูวิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด เป็นตัวแทนประเทศไทยในการเจราจา และลงนามในสัญญา เพื่อให้คนไทยทั้งประเทศสามารถรับชม การแข่งขันกีฬาฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกรายการนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ครบทั้ง 64 แมตช์
โดยความสำเร็จในครั้งนี้เกิดจากการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐบาล นำโดย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมด้วยภาคเอกชน 9 องค์กร ได้แก่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน), บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด, บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน), ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัท คิง เพาเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน), บริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท คาราบาวตะวันแดง จำกัด
ทั้งนี้ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดผ่านทาง ทรูโฟร์ยู ช่อง 24, อัมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 และ ททบ. 5 ช่อง 1 ทั้งนี้ขอให้ประชาชนชาวไทยมั่นใจได้ว่า จะได้สนุก และมีความสุขกับการรับชมมหกรรมฟุตบอลโลกในปีนี้ฟรี ครบทั้ง 64 แมตซ์อย่างแน่นอน
สำหรับ 32 ทีมที่ผ่านเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 มีดังนี้ กลุ่ม A : รัสเซีย (เจ้าภาพ) , ซาอุดิอาระเบีย, อียิปต์ , อุรุกวัย / กลุ่ม B : โปรตุเกส , สเปน , โมร็อคโก , อิหร่าน / กลุ่ม C : ฝรั่งเศส , ออสเตรเลีย , เปรู , เดนมาร์ค / กลุ่ม D : อาร์เจนติน่า , ไอซ์แลนด์ , โครเอเชีย , ไนจีเรีย / กลุ่ม E : บราซิล , สวิตเซอร์แลนด์ , คอสตาริก้า , เซอร์เบีย / กลุ่ม F เยอรมนี (แชมป์เก่า) , เม็กซิโก , สวีเดน , เกาหลีใต้ / กลุ่ม G : เบลเยี่ยม , ปานามา , ตูนิเซีย , อังกฤษ / กลุ่ม H : โปแลนด์ , เซเนกัล , โคลอมเบีย , ญี่ปุ่น โดยคู่เปิดสนามคือเกมระหว่าง รัสเซีย พบกับ ซาอุดิอาระเบีย ที่ลุซนิกี้ สเตเดี้ยม