วานนี้ (16 พ.ค.2561) นายรัชชัย พรพา ผู้อำนวยการส่วนป้องกันและปราบปราม ในฐานะชุดปฏิบัติการพิเศษฉลามขาว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) พร้อมด้วย พ.อ.ฐากูร ยุทธภูมิภูวดล ผู้แทน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ปกครอง เข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายที่บ้านหลังสอด หมู่ที่ 1 ต.เกาะลันตาน้อย อ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ซึ่งเป็นที่ดินที่มีการครอบครอง ทำประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฏหมายและบุกรุกซ้ำในพื้นที่ที่มีการดำเนินคดีไปแล้วโดยเด็ดขาด
จากการเข้าตรวจสอบพบพื้นที่เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ และมีการทำรั้วคอนกรีตอย่างดีล้อมพื้นที่ทั้งหมด ยกเว้นบริเวณด้านหลังอยู่ติดกับทะเลอันดามัน ส่วนบริเวณด้านหน้าทางเข้า มีการปิดประตูใส่โซ่เหล็ก และกุญแจมาคล้องเพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกเข้า เจ้าหน้าที่จึงต้องมุดลอดรั้วเข้าไปทีละคน เพื่อเข้าไปตรวจสอบ
พบพื้นที่มากกว่า 100 ไร่ มีการปรับสภาพโดยการถมดินเป็นบริเวณกว้าง มีการทำรั้วกำแพงคอนกรีตกั้นแสดงขอบเขตพื้นที่เกือบทุกด้านของแปลงที่ดิน และมีสิ่งปลูกสร้าง เป็นที่พักลักษณะเป็นบ้านก่ออิฐถือปูน หลังคามุงกระเบื้อง จำนวน 1 หลัง และที่พักชั่วคราวหลังคามุงสังกะสี ฝากั้นด้วยไม้อัด 1 หลัง ขณะตรวจสอบ ไม่พบใครอยู่ในที่พัก และบริเวณใกล้เคียง จากการสังเกตสภาพโดยทั่วไป คาดว่ามีการดำเนินการปรับพื้นที่ถมดินมาระยะหนึ่งแล้ว และเมื่อตรวจสอบพิกัดพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมที่ดิน เข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย พบพื้นที่บางส่วนมีการถมดินทับร่องน้ำ
พบบุกรุกซ้ำ-จ่อฟ้องแพ่งเพิ่ม
นายรัชชัย กล่าวว่า ที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นของบริษัทที เอ็น พี เฮลท์แคร์ อ้างสิทธิครอบครองกว่า 152 ไร่ แบ่งเป็น นส.3 ก. 6 แปลง ถูกกรมที่ดิน เพิกถอนไปแล้ว 2 แปลง คือ นส.3 ก เลขที่ 768 เนื้อที่ 31 ไร่เศษ มีคำสั่งเพิกถอนเมื่อวันที่ 18 ต.ค.2558 แปลงที่ 2 นส.3 ก เลขที่ 781 เนื้อที่ 24 ไร่เศษ มีคำสั่งเพิกถอนเมื่อวันที่ 28 ต.ค.2556 ทั้ง 2 แปลง ถูกเพิกถอน ข้อหาออกโฉนด โดยมิชอบด้วยกฏหมาย เพราะพื้นที่ดังกล่าวบุกรุกป่าชายเลนและอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าหลังสอด และป่าควนบากันเกาะ แต่บริษัทยังไม่ยอมออกจากพื้นที่ และมีการทำประโยชน์ ในที่ดิน ถมที่ดินและมีการล้อมรั้วกำแพง ถือว่าเป็นการบุกรุกซ้ำในพื้นที่ที่มีการดำเนินคดี ทช.จะจับกุมดำเนินคดีอาญาใน 2 แปลงนี้ กับบริษัทดังกล่าวจากนั้นจะฟ้องร้องในคดีแพ่งด้วย
ส่วนที่ดินอีก 4 แปลงที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ประกอบด้วย นส.3 ก เลขที่ 783 เนื้อที่ 28 ไร่เศษ นส. 3 ก เลขที่ 782 เนื้อที่ 27 ไร่เศษ นส.3 ก เลขที่ 767 เนื้อที่ 20 ไร่เศษ และนส.3 ก เลขที่ 789 เนื้อที่ 19 ไร่เศษ โดยจะมอบให้กรมที่ดินตรวจสอบ เพราะที่ดินทั้ง 4 แปลง อาจจะได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย เพราะเดิมก่อนที่จะเป็น นส.3 ก เป็น สค.1 มาก่อน ระบุเนื้อที่ทำประโยชน์ แปลงละ 1-3 ไร่ แต่ขณะนี้ที่ดินบวมเป็น 20-30 ไร่
กรมที่ดินจะใช้เวลาประมาณ 60 วันตรวจสอบ หากพบว่ามีความผิดก็จะมีการเพิกถอน ดำเนินคดีอาญา และทางแพ่งต่อไป โดยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดี ทช.ได้ให้ความสำคัญกับการเข้าควบคุมพื้นที่ป่าชายเลนอย่างเข้มงวด ไม่ให้มีการยึดถือครอบครอง ทำประโยชน์ หรือบุกรุกซ้ำ ในพื้นที่ ที่มีการดำเนินคดีไปแล้วโดยเด็ดขาด หากตรวจพบในพื้นที่ใดก็จะบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดฉลามขาว ระบุว่ามีนอมินีมารับสมอ้างว่าเป็นเจ้าของ และจะประกอบธุรกิจทำโรงแรม ที่ผ่านมา ทช.เคยเข้าตรวจสอบพื้นที่นี้แล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทนี้ มาร่วมตรวจสอบด้วยทุกครั้ง ซึ่งก็รู้ว่าพื้นที่บุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ถูกเพิกเอกสารสิทธิ์ไปแล้ว แต่ก็ยังฝืนครอบครองและทำประโยชน์โดยมิชอบต่อ แล้วยังมีนายทหารมาเคลียร์