วันนี้ (31 พ.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า หนุ่มน้อย พเนจร ได้เผยแพร่ข้อความ โดยระบุว่า #ป๊ะป๊าขอโทษครับลูก น้องอับบัสป่วยปอดติดเชื้อรุนแรง หายใจเร็ว หายใจเหนื่อยหอบ มีอาการไอตลอดเวลา คุณหมอบอก เนื่องจากป๊าสูบบุหรี่ทำให้กลิ่นคราบบุหรี่ที่ติดกับเสื้อผ้าป๊า ไปทำร้ายลูกเมื่อสูดดมเข้าไป เวลาที่เล่นกัน กอดกัน ลูกชอบมานั่งบนตักป๊าเป็นประจำ ป๊าขอโทษที่ทำร้ายลูกโดยไม่ได้ตั้งใจ ป๊าขอโทษที่ทำให้ลูกต้องเจ็บปวดทรมาร น้ำตาไหลเมื่อเห็นลูกร้องดิ้นรน พยาบาลจับมัด เอาสายยางสอดลงไปในคอ และฉีดยาเข้าทางจมูก ต้องพ่นยาอยู่บ่อยๆ ให้ออกซิเจนตลอดเวลา งดน้ำอาหาร งดใช้แป้งทาตัวตลอดชีวิต ป๊ะป๊าสัญญาจะลดหยุดสูบบุหรี่ เพื่อให้เราได้กลับมา กอดมาเล่นกันอีกครั้ง #ป๊าสัญญา
หลังจากมีการเผยแพร่ข้อความนี้ ทำให้สังคมออนไลน์ให้ความสนใจเกี่ยวกับภัยควันบุหรี่มือสอง หรือการได้รับควันบุหรี่จากผู้ที่สูบบุหรี่ และแชร์ข้อความดังกล่าวไปกว่า 60,000 ครั้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรกที่ควันบุหรี่มือสองทำร้ายคนรอบข้าง โดยผู้ที่ได้รับควันบุหรี่มือสองมีโอกาสเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือดพอๆ กับผู้ที่สูบบุหรี่ ซึ่งข้อมูลล่าสุดขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า จำนวนผู้สูบบุหรี่ทั่วโลกลดลงอย่างมากตั้งแต่ปี 2543 เมื่อเทียบอัตราส่วนประชากร พบว่าจำนวนผู้สูบบุหรี่ลดลงร้อยละ 7 จากปี 2543-2559 ปัจจุบัน มีสถิติผู้สูบบุหรี่ทั่วโลกประมาณ 1,100 ล้านคน แต่ยังคงมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่มากถึงปีละไม่ต่ำกว่า 7 ล้านคนทั่วโลก ซึ่งในจำนวนนี้ ประมาณ 890,000 คน เสียชีวิตจากการสูดดมควันบุหรี่มือสอง
ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า การได้รับควันบุหรี่มือสองเป็นสาเหตุของการเกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันได้ โดยการได้รับควันบุหรี่มือสองเพียง 30 นาที ก็เกิดอันตรายต่อเยื่อบุหลอดเลือด และทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจลดลงได้ ขณะที่มีรายงานว่า แต่ละปีมีคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ และสมองปีละ 2,615 คน จากจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสองทั้งหมดปีละ 6,500 คน
ขณะที่ในสหรัฐอเมริกามีผู้ที่เสียชีวิตจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบจากการได้รับควันบุหรี่มือสองปีละ 33,950 คน และมีชาวอเมริกา 2,194,000 คน ที่เสียชีวิตระหว่าง ค.ศ.1964 – 2014 จากโรคเส้นเลือดหัวใจที่เกิดจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้านหรือที่ทำงาน
ทั้งนี้ ทางออกที่ดีที่สุดในการป้องกันคนรอบข้างจากภัยควันบุหรี่มือสอง หากผู้สูบบุหรี่ที่ยังเลิกสูบไม่ได้ ต้องไม่สูบบุหรี่ในบ้าน เพื่อลดอันตรายที่คนในบ้านจะได้รับจากควันบุหรี่ ซึ่งข้อมูลสำรวจล่าสุดโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ.2560 พบว่า มีคนไทย 17.3 ล้านคนที่ได้รับควันบุหรี่มือสองในบ้าน