นักเรียนชั้นอนุบาล โรงเรียนวัดชลวาปีวิหาร หรือโรงเรียนหนักแบก ต.หนองบ่อ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง เตรียมตัวพักผ่อนหลังรับประทานอาหารกลางวันแล้วเสร็จ โดยไม่รู้ว่าชะกรรมของ น.ส.แสงเดือน ฤทธิ์หมุน หรือครูเดือน และ น.ส.กนกวรรณ เซ่งเฟ็ด หรือครูแหม่ม ครูประจำชั้น ที่กำลังจะประสบปัญหาการว่างงาน เนื่องเงินที่ได้รับจากการทอดผ้าป่าของวัดชลวาปีวิหาร เพื่อใช้เป็นค่าจ้างครูลูกจ้าง 3 คน เฉลี่ยคนละ 4,000-5,000 บาท กำลังจะหมดลง เหลือเงินก้อนสุดท้ายเพียง 50,000 บาท
ขณะที่นางปราณี จันทร์คง ครูจิตอาสาในวัย 69 ปี สอนวิชาภาษาอังกฤษให้กับเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยไม่รับเงินเดือน เล่าว่า ที่ผ่านมาได้ต่อสู้ร่วมกับผู้นำชุมชนและผู้ปกครอง เพื่อไม่ให้โรงเรียนถูกยุบ จนทำให้มีนักเรียนเพิ่มขึ้น 74 คน เนื่องจากโรงเรียนวัดชลวาปีวิหารอยู่คู่กับชุมชนมานานเกือบ 100 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ใช้เงินทอดผ้าป่าของวัดประมาณ 100,000 บาท จ้างครูลูกจ้าง และรถรับส่งนักเรียน ตั้งแต่ปี 2559 เดือนละประมาณ 16,000 บาท แต่ขณะนี้เงินลดลงจนเกือบหมดแล้ว
นายนิวรณ์ แสงวิสุทธิ์ รักษาการศึกษาธิการจังหวัดตรัง ชี้แจงว่า โรงเรียนแห่งนี้เป็นความรับผิดชอบของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาตรัง เขต 1 โดยเงื่อนไขสัดส่วนการจัดสรรอัตราครูมีเกณฑ์อยู่แล้ว ในส่วนโรงเรียนวัดชลวาปีวิหาร มีนักเรียน 74 คน สามารถมีครูอัตราได้ 5 คน หรือครู 1 คน ต่อนักเรียน 25 คน แต่เนื่องจากมีครูไม่ครบตามชั้นเรียน ผู้นำท้องถิ่นและชาวบ้านจึงว่าจ้างครูเพิ่มเติม ซึ่งการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นจะให้กรรมการสถานศึกษาร่วมกับครูในโรงเรียน เชิญเขตพื้นที่การศึกษามาประชุมร่วมกัน เพื่อกำหนดความต้องการ ก่อนนำผลสรุปเสนอต่อมายังศึกษาธิการจังหวัดที่ตัวเองกำกับดูแล
สำหรับครูอัตราจ้าง 3 คน เริ่มต้นการสอนเมื่อ 2 ปีก่อน โดยได้รับค้างจ้างเพียงเดือนละ 1,000 บาท ก่อนปรับขึ้นเป็น 4,000-5,000 บาท ซึ่งศึกษาธิการจังหวัดมีแนวคิดในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการเปิดสอบบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูในอนาคต ส่วนกรณีที่ไม่สามารถสอบได้นั้น คณะกรรมการโรงเรียนอาจหาแนวทางช่วยเหลือ เบื้องต้นต้องอาศัยเงินจากการทอดผ้าป่า