วันนี้(20 มิ.ย.2561) ในการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินคณะที่ 5 ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน สั่งการให้ตั้งคณะทำงานพิเศษเฉพาะกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมสั่งห้ามนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดและทุกช่องทาง โดยยืนยันว่าขยะไม่เอาไม่ให้เข้า สั่งกระทรวงอุตสาหกรรม
ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้ตำหนิที่ให้มีการนำเข้าขยะพิษมาประเทศไทย พร้อมสั่งหาผู้ที่รู้เห็นเป็นใจในการสำแดงเท็จ โดยให้กรมศุลกากรไปตรวจสอบ เพราะต้องหาคนรับผิดชอบ
และช่วงเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะทบทวนช่องว่างของปัญหา ว่าจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 หรือแก้ไขกฎกระทรวง เพื่อเปิดทางให้ท้องถิ่น เข้าตรวจสอบสถานประกอบการทั่วประเทศ ว่าเกี่ยวข้องหรือนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือไม่
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ปัญหาขยะอันตรายและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ในที่ประชุมได้ซักถามการนำเข้า ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่ามีการอนุญาตนำเข้าโดยมีโควต้าเข้ามา แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าเข้ามาแล้วมีปัญหา และทำผิดเงือนไขก็ยกเลิกได้ ซึ่งตอนนี้ตำรวจได้รายงานผลการตรวจค้นโรงงานหลายแห่ง ส่วนใหญ่ทำผิดเงือนไข ไม่ใช่ขยะที่ขออนุญาตนำเข้า ดังนั้นที่เอาเข้ามาแล้ว ก็ต้องหยุด และควรต้องมีคณะทำงานกำหนดให้นำอะไรเข้ามาได้
โดยเบื้องต้นจะมีการตั้งคณะทำงานพิเศษเฉพาะกิจ 1 ชุดเพื่อบูรณาการงานร่วมกันนั้น ประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นเจ้าภาพหลัก รววมทั้งกรมศุลากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยคณะทำงานดังกล่าวจะเป็นช่องทางให้หน่วยงาน ภายใต้สังกัดได้ขับเคลื่อนแก้ปัญหาอย่างรอบด้าน โดยการพิจารณาห้ามขยะสารพิษเข้าประเทศให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และหากดำเนินการตามกรอบกฎหมายที่มีอยู่ไม่ได้จะต้องใช้มาตรา 44 ก็จำเป็นต้องใช้
สำหรับข้อมูลที่ใช้พิจารณาในที่ประชุมระบุว่า โรงงานคัดแยกขยะในประเทศไทยมีทั้งหมด 148 โรงงาน แต่ดำเนินการไม่ถูกต้องตามวิธีการคัดแยกขยะถึงร้อยละ 90 และพบว่าโรงงานกำจัดขยะและรีไซเคิลมี 7 โรงงาน ทำไม่ถูกต้อง 5 โรงงาน ดำเนินการถูกต้องเพียง 2 โรงงาน ซึ่งทั้ง 7 โรงงานเป็นของผู้ประกอบการชาวจีน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
พักใบอนุญาต 5 บริษัท นำเข้า "ขยะพิษ"