ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 มิ.ย.61) การยื่นฟ้องในคดีนี้ เป็นคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากอัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีต่อจากคดีร่วมทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่อัยการสุงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ กับพวกรวม 27 คน เป็นจำเลย เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2555 และศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยอื่นที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่นายทักษิณหลบหนีไป โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้านายทักษิณ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งวันนี้ฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดเดินทางมา
องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่านายทักษิณ จำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ถือว่ามีพฤติการณ์หลบหนีจึงให้ออกหมายจับ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 พร้อมให้โจทก์รายงานผลการจับกุม ให้ศาลรับทราบทุกเดือน
ส่วนที่จำเลยไม่มาศาลในการพิจารณาครั้งแรกให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาฯ มาตรา 33 จึงให้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 26 ก.ย.2561 เวลา 13.30 น.
สำหรับหมายจับที่ออกถือเป็นหมายจับในคดีที่ 2 หลังจากคดีที่นายทักษิณ ออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิตที่ให้นำตัวนายทักษิณมาดำเนินคดีหลังจากมีการแก้ไขกฎหมายใหม่ที่อนุญาตให้พิจารณาคดีลับหลังจำเลยได้