วันนี้ (20 ก.ค.2561) รั้วบ้านของนายปุ๊ด ไทยใหญ่ ชาวบ้านวังว้า หมู่ 5 ตำบลท่าวังผา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ที่อยู่ติดกับแม่น้ำน่านถล่มลงมา และเริ่มลามเข้าไปในตัวบ้าน หลังฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้ระดับน้ำแม่น้ำน่านเพิ่มขึ้น
นายปุ๊ด กล่าวว่าน้ำกัดเซาะดินบริเวณใต้รั้วบ้าน ทำให้รั้วบ้านทรุดลงมาทั้งแถบ จึงได้แจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ พร้อมนำผ้าพลาสติกไปปิดกันไม่ให้ฝนชะล้างอีก แต่หากยังมีฝนตกและระดับน้ำสูงขึ้นอาจทำให้บ้านพังลงมาได้ เพราะนอกจากบ้านของตัวเองแล้ว ยังมีบ้านในระแวกเดียวกันอีกเกือบ 20 หลัง
ทั้งนี้ พื้นที่เทศบาลเมืองน่าน ชาวบ้านในชุมชนท่าลี่ อ.เมืองน่าน ทยอยเก็บทรัพย์สินขึ้นที่สูง หลังระดับน้ำแม่น้ำน่านเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำถูกน้ำท่วมทุกปี นายคำผอง ไทยใหญ่ ชาวชุมชนท่าลี่ เปิดเผยว่าติดตามข้อมูลฝนตกและระดับน้ำต่อเนื่อง จึงเตรียมป้องกันเพื่อไม่ให้ทรัพย์สินเสียหาย
ล่าสุดเทศบาลเมืองน่าน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่เทศบาล 2 เครื่อง พร้อมจัดเตรียมกระสอบ หากระดับน้ำเกินจุดวิกฤตก็สามารถวางกระสอบทรายเสริมได้ทันที ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นอกจากแม่น้ำน่านแล้วในพื้นที่ภูเขาที่เป็นจุดเสี่ยงให้ผู้นำหมู่บ้านและมิสเตอร์เตือนภัยติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันน้ำป่าและดินโคลนถล่ม
นายกฯ กำชับวางแผนรับมืออุทกภัย-บริหารจัดการน้ำ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สั่งเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ฝนตกหนักจนเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ รวบรวมข้อมูลและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
พร้อมกำชับถึงการบริหารจัดการน้ำทุกพื้นที่ ต้องวางแผนให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องสามารถควบคุมและระบายน้ำบริเวณเขื่อนปากมูล เขื่อนยโสธร และเขื่อนธาตุน้อยให้ดี ทำให้การไหลเวียนของน้ำในลุ่มน้ำชีและแม่น้ำสายต่าง ๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังต้องตรวจสอบความพร้อมของพนังกั้นน้ำทุกแห่ง
ส่วนการช่วยเหลือเยียวยานายกรัฐมนตรี ย้ำว่ารัฐบาลจะดำเนินการโดยเร็วที่สุด พร้อมแสดงความห่วงใยในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงพื้นที่การเกษตรและทรัพย์สินอื่นๆ ที่อาจได้รับความเสียหาย