จึงนำมาสู่คำถามที่ว่า วงการนักดนตรีโดยเฉพาะมือกีตาร์จะยังคงอยู่ในวงการหรือลดลงหรือไม่ Peter Sow เจ้าของเพจกีตาร์ไทย ฉายภาพการเปลี่ยนของวงการกีตาร์ในแต่ละยุค ให้กับทีมข่าวไทยพีบีเอส ออนไลน์ ผ่านบทสัมภาษณ์
ยุค 90 เน้น “กีตาร์สายร็อค”
เกือบ 20 ปี คือเหมือนทำเว็บกีตาร์เป็นสื่อ เหมือนเดินเข้าออกร้านเครื่องดนตรีบ่อย สถานการณ์กีตาร์ รุ่งเรือง คือยุค 80 ปลายๆ 1990 ๆ ไล่มาถึง 2,000 ที่ผมคิดว่ารุ่งเรืองเพราะว่า กีตาร์คือเครื่องดนตรี อิงดนตรีกระแสหลักของโลก เรียกว่า Mainstream Music อ้างอิงจากบิลบอร์ดของอเมริกายุค 1990 จะเป็น Rock & Roll, Grunge อย่างพวก Nirvana ไล่มาปี 2,000 พวก Nu metal อย่างวง Limp Bizkit วง Linkin Park ซึ่งดนตรีพวกนั้นกีตาร์เป็นตัวดำเนินเรื่องหลัก เป็นตัวหลัก
ดังนั้นยุคนั้นเชื่อว่าเด็กที่โตขึ้นมายุค 80 ยุค 90 ยุค 2000 ทุกคนโตมากับดนตรีที่ถูกเล่นด้วยกีตาร์ ถ้าเด็กอยากเล่นเครื่องดนตรีซักเครื่องหนึ่ง กีตาร์เป็นเครื่องหลักที่อยากเล่น ในอีกมุมหนึ่ง กีตาร์ สำหรับเด็กที่โตมา ม.ต้น และ ม.ปลาย ทุกคนจะเห็นเพื่อนเล่นกีตาร์อาจจะเป็นกีตาร์โปร่ง อาจจะไม่ได้เสพดนตรีจริงจัง เหมือนกรณีที่แล้วแต่กีตาร์โปร่งจะอยู่ทุกหนทุกแห่ง
อีกส่วนหนึ่งคือการเล่นตามวงสังสรรค์ต่างๆ เล่นตามชายหาด นั่นเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบัน ผมเชื่อว่ากลุ่มที่ 2 เล่นกีตาร์โปร่ง เพื่อนสอน น่าจะใกล้เคียงกับของเดิม คือมันอยู่ในชีวิตประจำวันของเรา กีตาร์จับต้องง่าย ราคาไม่แพงมาก เล่นไม่ยาก อาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนเล่นกีตาร์เยอะ
เด็กยุคใหม่เน้น EDM กีตาร์บทบาทน้อย
แต่เด็กที่โตมากับดนตรีเมนสตรีม ปัจจุบันผมเชื่อว่า ประมาณเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา กระแสหลักฝั่งอเมริกา จะเห็นได้ชัดจะเป็นพวกอิเล็กทรอนิกส์แดนซ์ ( EDM) หรือเป็นเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ หรือเป็นพวกฮิปฮอป R&B เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งใช้กีตาร์น้อยลง ลักษณะเหมือน Synthesizer คีย์บอร์ด เป็นซาวด์ ฉะนั้น แน่นอนว่าเด็กที่โตมากับดนตรีแนวนี้จะเล่นกีตาร์น้อยลง เครื่องดนตรีชิ้นแรกที่อยากเล่นอาจจะเป็นคีย์บอร์ด เป็น Synthesizerแทน เชื่อว่า ผมอาจจะฟันธงไม่ได้ว่า วงการกีตาร์ลดลงกว่าช่วงเฟื่องฟู เพราะกลุ่มแรก ที่เล่นดนตรี กีตาร์โปร่ง ยังมีอยู่
ขณะเดียวกัน EDM หรือ แดนซ์มิวสิก กีตาร์บทบาทมันน้อยลง แต่เพลงพวกนั้นสามารถเล่นเป็นกีตาร์อะคูสติก จะยังมีอยู่ แต่เชื่อว่าต่างจากยุคเฟื่องฟูไหม คงไม่ดีเท่าเดิม โดยเฉพาะมุมของกีตาร์ไฟฟ้า
เมืองไทยกีตาร์โปร่ยังขายได้อิง “อะคูสติก-ฟิงเกอร์สไตล์”
ทีนี้ถ้าพูดถึงตลาดต่างประเทศ ถ้าพูดถึง 20 ปีที่แล้ว ถ้าพูดถึงอเมริกาซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในโลก ของกีตาร์ จะเป็นเฟนเดอร์ (Fender) เป็นหลัก แต่ปัจจุบันเป็นเทเลอร์ ( Taylor x) ซึ่งขายกีตาร์โปร่ง เป็นหลัก จะเห็นว่าเทรนด์ระดับโลก อาจจะประเมินได้ว่า กีตาร์โปร่งจะขายดีกว่ากีตาาร์ไฟฟ้า ปัจจุบันขายกีตาร์โปร่งอย่างเดียวซึ่งมีปริมาณมากกว่า ซึ่งอาจจะฟังธงทีเดียวไม่ได้ จำนวนตัวต่อปี
อาจบอกไม่ได้ว่าซบเซาหรือไม่ แต่ประเทศไทย กีตาร์โปร่งยังขายได้เยอะ เด็กยังเล่นกีตาร์อยู่ แต่อาจจะไม่เป็นแนวเพลงร็อค แต่อาจจะเป็นอะคูสติกแทน อีกแนวที่หลังๆ เจอเด็กเรียนดนตรีอยากเล่นกันเยอะ คือ ฟิงเกอร์ สไตล์ (Finger style) คือกีตาร์โปร่งตัวเดียว เล่นแบบจังหวะ คอร์ด เบสไลน์ เมโลดี้รวมกัน เป็นอีกแนวที่โต เป็นไปตามแนวกีตาร์หลักของโลก
Gibson แตกไลน์สินค้า ทำธุรกิจฟุบ
เท่าที่ทราบข้อมูลจากการอ่าน ยอดขายกีตาร์ของ Gibson เติบโตในช่วงหนึ่งในยุคที่กีตาร์เฟื่องฟู เชื่อว่า Gibson คงมีเม็ดเงินจำนวนมาก และ ซีอีโอ ต้องการให้ Gibson เป็นมากกว่าบริษัทเล่นดนตรี คืออยากให้เป็นบริษัททำไลฟ์สไตล์เกี่ยวกับดนตรี เหมือนแบรนด์ดั้งเดิมอย่างมาร์แชล (Marshall) ก็ออกมาทำ หูฟังหรือ บลูทูธสปีกเกอร์ (Bluetooth Speaker) มากขึ้น ทำให้เข้าใจได้ว่า Gibson อาจจะต้องการทำอะไรเช่นนี้ในวันที่มีเม็ดเงินพร้อมลงทุน จึงเทคโอเวอร์บริษัทอื่นๆ เกี่ยวกับดนตรี เช่น Philips Audio หรือ บ.เครื่องเสียงของญี่ปุ่นอย่างออนเคียว ( Onkyo) บริษัทโปรแกรมทำดนตรีเหมือนพวก เค้กวอร์ก (cakewalk )
ดังนั้น เมื่อซื้อบริษัทเหล่านี้มาจำนวนมากมุมหนึ่งเหมือนขยายธุรกิจลงทุน แต่บางธุรกิจไม่สามารถทำกำไรกลับมา พอจุดหนึ่งเมื่อขาดสภาพคล่อง เท่าที่วิเคราะห์เหมือนขาดการบริหารจัดการมากกว่ายอดขายมันตกและที่แถลงข่าวก็บอกว่ายอดขายเติบโตด้วยซ้ำ
คนซื้อชอบของ "ใหม่เสมือนเก่า"
ขณะที่การเลือกซื้อกีตาร์ สามารถแบ่งได้เป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกคือค่านิยม เหมือนรถรุ่นเก่า (Vintage) ราคาแพง ยิ่งสภาพเดิมเท่าไหร่ยิ่งแพง ซึ่งเป็นค่านิยมที่ให้คุณค่ากับของเก่าเป็นตลาดที่เน้นเรื่องคุณค่า เรื่องที่ 2 กีตาร์เหมือนของเก่า ปัจจุบันบริษัท ทั้ง Fender ทั้ง Gibson ทราบดีกว่ากีตาร์ที่เคยผลิตในช่วงปี 50 ปี 60 ราคาขายในหลักตัวละ 1 ล้านบาท หรือ 10 ล้านบาท ซึ่งบริษัทเหล่านี้ก็พยายามตีตลาดตรงนั้น คือทำกีตาร์ที่เหมือนเก่า เพราะเรียก Realic recrate เรียลลิก รีเอด คือ กีตาร์ผลิตใหม่ที่ทำให้เหมือนเก่าจากโรงงานซึ่งเหมือนกับกีตาร์อายุ 50 ปี เรื่องของรูปลักษณ์ ตัวไม้ เหมือนเอาไม้ไปอบ (Roasted wood ) เนื่องจาก ไม้เก่าออกซิเจนระเหยออกไปจนหมดตามกาลเวลา สิ่งที่อยู่ในเนื้อไม้มากขึ้น มีเนื้อไม้ มันสะเทือนดีขึ้น กีตาร์ใหม่ให้เสียงแบบนั้นไม่ได้
บริษัทเหล่านี้ จึงเลยเริ่มอบไม้เพราะให้ผลที่ใกล้เคียงเหมือนไม้เก่า สำหรับบางคนที่ให้คุณค่ากับของเก่า เชื่อว่าของเก่าดีกว่ายุคปี 50 ปี 70 ตลาดมือ 2 กลุ่มนั้นคือกลุ่มที่ 1 แต่ที่กระทบ คือกลุ่มที่ชอบเก่า แต่กรณีของกีตาร์ใหม่ที่ออกมา 1-2 ปี เมื่อขายก็จะเหมือนกับรถ ราคาจะลดลงไปกว่าร้อยละ 30 - 40 ซึ่งจะกระทบยอดขายกีตาร์ใหม่
การที่ผู้คนชอบกีตาร์ของใหม่ที่เหมือนของเก่า ผู้ผลิตจึงผลิตตอบสนองความต้องการ เพราะกีตาร์จะมีเสน่ห์ ฝรั่งเรียกว่า "Beat Up" หรือ สภาพยับเยิน ซึ่งจะมีรอยถลอก หากเทียบง่ายๆ เช่นคนที่เห็น Eric Clapton กีตาร์ที่เขาเล่นมาตลอด 30 ปี สภาพเหมือนผ่านสงครามโลก แล้ววันหนึ่งเมื่อคุณซื้อกีตาร์หน้าตาคล้ายๆแบบนั้น ก็มีคนอยากได้ แต่ว่าจะอยู่กับกีตาร์แบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ เช่น Fender อยู่มา 50 -60 ปี หรือกีตาร์ Gibson รุ่นปี 1959 ตัวหนึ่ง ราคา 1,000,000 เหรียญ ซึ่งในตลาดกีตาร์มือ 2 ไม่สามารถซื้อได้เพราะราคาอยู่ที่ กว่า 30 - 40 ล้านบาท แต่คุณสามารถซื้อตัวหนึ่งหน้าตาแบบนั้นได้นะ สเป็กหน้าตาเก่า เสียงใกล้เคียง ในราคาที่จับต้องได้ก็เป็นทางเลือกใหม่ให้ผู้ซื้อ
กีตาร์จึงมีรุ่นเฉพาะปีเหมือนกับไวน์เลย ซึ่งปี 1959 เป็นปีทองของ Gibson les Paul ปี 1959 ดีที่สุด ด้วยเหตุผลว่าไม้ล็อตนั้นที่ได้มาให้เสียงแบบนั้น และเมื่อผ่านมือศิลปินดัง ทั้ง Garry Moore มือกีตาร์ของ Aerosmith ทุกคนใช้ Gibson ทุกคนใช้รุ่นปี 1959 หมด ดังนั้นถ้าเป็นปี 1959 ราคาจะกระโดดทันที ซึ่งแม้ว่าจะไม่ทราบว่าผลิตมาจำนวนเท่าใด พังแบบซ่อมไม่ได้กี่ตัว มีเจ้าของแล้วกี่ตัว มีในตลาดกี่ตัวยิ่งกว่าลิมิเต็ด
ทั้งนี้ เพราะกีตาร์เก่ามีเสียงเป็นเอกลักษณ์ โดยจะมีเสียงย่านต่ำที่ใหญ่แล้วก็กังวาน แต่กีตาร์เก่า การเล่นอาจจะยากกว่าโดยเฉพาะการจับสาย เพราะเป็นการออกแบบที่ผ่านมา 50 ปี แต่กีตาร์ใหม่ที่ออกแบบใหม่มาจะเล่นง่ายกว่า
แฟชั่นดนตรี ดันยอดกีตาร์โปร่งพุ่ง
ยอดขายกีตาร์โปร่งและกีตาร์ไฟฟ้า หรือการเล่นกีตาร์ จัดว่าเป็นแฟชั่นชนิดหนึ่งครับ แฟชั่นปัจจุบัน จะเห็นศิลปินเทเลอร์ สวิฟท์ ( Taylor Swift) ที่เล่นกีตาร์โปร่ง หรือ เอ็ด ชีแรน (Ed Sheeran) ในฝั่งของศิลปินไทยก็มี สิงโต นำโชค , สแตมป์ ที่เล่นกีตาร์โปร่ง
ขณะที่ฝั่งของศิลปินที่เล่นกีตาร์ไฟฟ้าลดลงเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นแฟชั่น หรือเป็นเทรนด์ ถ้าศิลปินเหล่านั้นเล่นกีตาร์ไฟฟ้าอาจจะไม่ตรงกับตลาด แฟนเพลงก็จะไม่ค่อยตอบรับ แน่นอนว่าเราโตมาเสพดนตรีที่เราชอบ ถ้าศิลปินที่เราชอบเล่นกีตาร์อะไร ถ้าโตมาอายุประมาณ 10 กว่าขวบ ปัจจุบันหากถามวว่าจะซื้อกีตาร์อะไร คำตอบคือก็คงคงจะซื้อโปร่ง เพราะศิลปินที่เราฟังเขาเล่นกีตาร์โปร่งมากกว่า วันหนึ่งผมเชื่อว่าเทรนด์จะวนกลับมา เป็นกีตาร์ไฟฟ้า
หากเทียบกับยุคก่อน เชื่อว่าเมื่อก่อนเด็กที่โตกับเพลงร็อค นูโว ไมโคร หินเหล็กไฟ ทุกคนอาจจะเริ่มด้วยกีตาร์โปร่งแต่ฝันว่าจะมีกีตาร์ไฟฟ้าให้ได้ แต่ทุกวันนี้มันกลับกัน มีกีตาร์ไฟฟ้าของคุณพ่อที่โตในยุคโน้นมาหัดเล่น แต่พอความฝันวันนี้อยากจะมีกีตาร์โปร่งให้ได้ อย่างที่บอกว่าศิลปินที่เป็นไอดอลของเขาวันนี้ เป็นเปอร์เซ็นต์ไม่มีตัวเลขไม่มีข้อมูลแต่กลับกัน เหมือนก่อนคือคนอยากเป็นเหมือนไมโคร วันหนึ่งอยากมีกีตาร์ไฟฟ้า เหมือนนูโว หินเหล็กไฟ เล่นกีตาร์ไฟฟ้าบนเวที เท่ แต่วันนี้ทุกคน เด็กในวันนั้นก็เป็นพ่อแม่คน ตัวเองมีกีตาร์ไฟฟ้าอยู่ให้ลูกเล่น พอลูกเล่นเป็น วันนี้คืออยากเล่นกีตาร์โปร่ง อยากเป็นเหมือน เจสัน มแรซ ( Jason Mraz) เหมือน เหมือนเทเลอร์ สวิฟท์ (Taylor Swift) หรือเป็นเหมือนสิงโต นำโชค
ยุคเด็กเล่นตาม “ยูทูป-ไอดอล”
เด็กสมัยนี้เขาอาจจะเปลี่ยน สมัยนี้ข้อมูลเยอะ สื่อเยอะ ไม่เหมือนสมัยก่อนกว่าจะซื้ออัลบั้มมาวงหนึ่งได้ มันแพงมาก ต้องเก็บเงิน เพลงน้อยก็ฟังวนแบบนั้น สมัยนี้ฟังยูทูป เปลี่ยน 3 วินาที เปิดคลิปนี้มาอินโทรไม่ชอบเปลี่ยนเพลง ฉะนั้นความสนใจเด็กยุคนนี้ เปลี่ยนเร็วกว่ายุคเก่า ด้วยเทรนด์ของโลกด้วยเหมือนกัน มันอาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งทำไมเด็กสนใจอันนี้แล้วไปสนใจอันนั้น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาครับ
เหตุผลหลักที่เด็กยุคนี้เล่นกีตาร์ มี 2 แนวทาง คือ 1.การเล่นตามไอดอลหรือสิลปินที่ตนเองชื่นชอบ ก็จะไปแนวทางของการเล่นกีตาร์โปร่ง ที่ตนเองชื่นชอบ และ 2.คือการไปโรงเรียนและเล่นกีตาร์ตามเพื่อน ซึ่งยังคงมี 2 กลุ่มเช่นเดิม
ทั้งนี้ การเล่นกีตาร์โปร่ง สามารถประยุกต์การเล่นให้กับบอยแบนและ เกิร์ลกรุ๊ปได้ ซึ่งต้องเริ่มจากการนำมาประยุกต์ของศิปินวงต่างๆ ซึ่งหากทำแล้วด็จะเป็นเทรนด์ใหม่ของสังคม เช่นของวงการเพลงประทเศไทยวงร็อคไม่อยู่กับกีตาร์โปร่ง กีตาร์โปร่งจะเล่นเพียงบางเพลงโดยเฉพาะเพลงช้า
แต่กรณีของวงอย่าง 25 Hours เป็นวงที่มีกีตาร์โปร่งเป็นแกนนำ ซึ่งแต่ก่อนไม่มีวงแบบนี้ หรือวงอย่าง Room 39 เป็นฟูลแบนด์ที่มีกีตาร์โปร่งเป็นแกนนำ ซึ่งมีการแนวคิดในการตั้งวงคือ ต้องการที่จะทำวงดนตรีที่มีกีตาร์โปร่งเป็นแกนนำวง เพราะมีความแตกต่างมีความเป็นตัวของตัวเอง และเมื่อประสบความสำเร็จก็กลายเป็นเทรนด์ สิ่งที่เขาทำได้รับการยอมรับ สิ่งที่เขาทำมันสำเร็จ ฉะนั้นเมื่อมีผู้ที่ทำแล้วสำเร็จก็จะมีการยอมรับตามมา
“ผมเชื่อว่าดนตรี Mainstream Music ถ้าเราอยู่กับอะไรมาซักพักแน่นอนว่าเราเบื่อ ถ้าวันหนึ่งที่เราเบื่อเทรนด์ที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์มันก็จะวนกลับไปหา อะไรซักอย่าง วนไปวนมา สุดท้ายกีตาร์จะกลับมา”
ผู้ใหญ่สมัครเรียนกีตาร์เพิ่ม
อย่างไรก็ตาม ในบริบทของสังคมผู้สูงอายุที่เด็กเกิดใหม่ลดลง ในมุมของ Peter Sow ในฐานะเปิดโรงเรียนสอนกีตาร์ โดยกลุ่มนักเรียนจะค่อนข้างเฉพาะทางโดยเน้นทางกีตาร์
Peter Sow เจ้าของเพจกีตาร์ไทย
ผมสอนโรงเรียนกีตาร์ไทยสคูล เป็นโรงเรียนเฉพาะทางเล่นกีตาร์ ส่วนใหญ่คนรู้จักโรงเรียนจากเว็บไซต์กีตาร์ไทย ของกลุ่มนักเรียนที่โรงเรียน ค่อนข้างเฉพาะทาง มากกว่าผู้ปกครองเดินผ่านโรงเรียนแล้วจะเข้ามาโรงเรียนครับ จะหาข้อมูลมาก่อน เราเจอว่า นักเรียนมากกว่าครึ่งเป็นผู้ใหญ่ อายุ35 ปีขึ้นไป มีอาม่าอายุ 70 ปี มาเรียนก็มี อาม่าบอกว่า จำไม่ผิดว่า อาม่าเห็นกีตาร์อากงวางอยู่ เห็นแล้วนึกถึงเล่นอยากจะเล่นบ้าง เล่นเอามาเรียน มีผู้ใหญ่อายุ 35- 50 ปี มาเรียนมากขึ้น
กลุ่มพวกนี้ มีเรื่องทั้งกีตาร์ไฟฟ้า บางทีเพลงที่เขาฟังสมัยหนุ่มๆ วันนี้เขามีเวลาเขาก็มาเรียน หรือผู้ใหญ่บางคนอยากผ่อนคลาย เล่นเรียนกีตาร์โปร่ง เมื่อสังคมผู้สูงอายุมา เพราะเขาจะมีเวลาว่าง ผมเชื่อว่าดนตรี กิจกรรมหนึ่งเติมเต็มชีวิตเขาให้มีความสุขได้ เป็นทางเลือกหนึ่ง แล้วก็พูดว่ากีตาร์โปร่งกีตาร์จับต้องไม่ยาก เล่นไม่ยากมาก ราคาไม่สูง มันก็คือน่าจะเป็นปัจจัยที่เติมเต็มผู้สูงอายุ
เทคโนโลยีแทนเสียง “กีตาร์” ธรรมชาติยาก
อย่างไรก็ตามแม้เทคโนโลยีในปัจจุบัน การทำดนตรีจมีการใช้เสียงที่เป็นเสียง Sampling คือ การอัดเสียงเป็นโน้ตๆ ทำมาเป็นชิ้นๆ แล้วนำมาจัดวางเป็นดนตรี ซึ่งมีการทำมานานแล้ว อย่างที่เราฟังปัจจุบัน เสียงกลอง เปียโน ส่วนใหญ่ใช้ Sampling กันเยอะมาก กีตาร์เป็นเครื่องเดียวที่ต้องอัดสดกันอยู่ ช่วงเวลา 15 ปี ที่ผ่านมา เพลงไทย ที่เราฟัง เพลงฝรั่ง หากมูลค่าไม่เยอะมาก กลองก็อาจจะไม่อัดสด อาจใช้การ Sampling เอา กีตาร์ต้องอัดอยู่ ด้วยเหตุผลว่า Sampling กีตาร์ เสียงมันไม่ธรรมชาติเท่ากีตาร์จริง ด้วยเหตุผลว่า กลอง เปียโน เสียงมันแยกโน้ตแยกชิ้นแล้วอัดเข้าไป ที่เป็นกีตาร์ กีตาร์โปร่ง เสียงโน้ตถูกสร้างเอาสะท้อนในกีตาร์ ถึงจะถูกอัดออกไป ซึ่งอัดแยกโน้ตแต่ละชิ้นแล้วรวมที่หลัง ไม่เหมือนเสียงที่สร้างแล้วสะท้อนและถูกอัดออกมา กีตาร์เป็นเครื่องเดียวที่อัดเสียงกันอยู่ค่อนข้างเยอะ
เทรนด์ปัจจุบัน คือต้องการเสียงกีตาร์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ คือเป็นเสียงดิจิทัล ขึ้นมาในเพลง ในพวก Dance EDM หรือ Hiphop ถามว่ากระทบไหม ถ้าดนตรีแนวนี้เป็นกระแสหลักไปอีกซัก 10 ปี น่าจะกระทบ เพราะว่าเด็กที่โตมากับแนวนี้ไม่อยากฟังเสียงจริง แต่ถ้าดนตรีเปลี่ยนไปแนวอื่นกีตาร์ก็ยังมีอยู่
(หมายความว่าถ้าแนวเพลงเปลี่ยน กีตาร์ก็จะปรับไป) ใช่ ผมมองว่าอย่างนั้น คือที่บอก 2 ส่วน ส่วน 1.แฟชั่น ถ้าแฟชั่นบอกว่า อยากฟังเสียงกีตาร์ที่ไม่ใช่ของจริง ถ้าแฟชั่นคงอยู่สิบปี คงกระทบ เพราะคงไม่อยากฟังเสียงจริง แต่เทรนด์เปลี่ยนตลอดอยู่แล้ว แต่เสียงอยู่ในเทรนด์เมื่อไหร่ก็จะมา เทรนด์ไม่เอากีตาร์เสียงจริง แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นอะคูสติกเวอร์ชั่นก็ต้องใช้กีตาร์เสียงจริง
เชื่อ "กีตาร์" ไม่มีวันหายไป
ในฐานะส่วนตัว เรายังรักมัน สนุกกับมัน เรายังคงเล่นไปอยู่ดีเพื่อเติมเต็มความรู้สึกส่วนตัว แต่ถ้าเราใช้มันอาชีพ เช่น เรามีอาชีพเป็นครูสอนดนตรีมันกระทบแน่นอนมันกระทบกับรายได้
แต่เชื่อว่าความชอบ แม้ว่าจะอยู่นอกกระแสเราชอบก็ยังทำอยู่ดี ผมเชื่อว่าไม่กระทบเท่าไหร่ แน่นอนว่าหัวข้อที่พูดกับเพื่อนในโซเชียลอาจจะมีเรื่องนี้น้อยลงเรื่อยๆ แต่เชื่อว่ามีกลุ่มเล็กๆ คุยเรื่องนี้อยู่ กีตาร์อยู่กับโลกเรา ตั้งแต่สมัยหลายร้อยปีที่ผ่านมา ทุกวันนี้ยังคงอยู่ ถามว่ามันจะหายไปเลยไหม มันก็คงไม่หายไปหรอก...
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ธุรกิจ “กีต้าร์” ทรงตัว คาดอีก 20 ปีคนเล่นลดฮวบตามอเมริกา