วันนี้ (26 ก.ค.2561) เจ้าพระคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระคติธรรมเนื่องในวันอาสาฬหบูชา พุทธศักราช 2561 ความว่า
“ดิถีเพ็ญเดือนอาสาฬหะ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว วันอาสาฬหบูชาจัดเป็นวันสำคัญยิ่งของพุทธบริษัททุกหมู่เหล่า โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ริเริ่มให้มีการเฉลิมฉลองเป็นพิเศษเนื่องในวันดังกล่าว ด้วยเป็นวันคล้ายวันประกาศพระศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธัมมจักกัปวัตนสูตรเป็นพระปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีย์ กระทั่งมีผู้ได้ดวงตาเห็นธรรม ขอประทานอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระบวรพุทธศาสนา จึงบังเกิดพระรัตนตรัยครบองค์ 3
โบราณาจารย์ยกย่องพระรัตนตรัยไว้ ว่าเป็นวัตถุวิเศษซึ่งสโมสรกันเป็นอันดี ประกอบด้วยคุณอันสมควรส่วนละอย่าง เปรียบเสมือนไม้ 3 อัน ไขว้ขัดกันอยู่ ถ้าพรากออกเสียอันเดียว ที่เหลืออยู่ก็ตั้งตรงอยู่ได้ไม่นานนัก ในดิถีเช่นนี้เมื่อสองพันกว่าปีล่วงมาแล้ว พระสังฆรัตนะได้บังเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก
ทั้งนี้ พระสงฆ์ หมายถึง หมู่ภิกษุ ผู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า สละเรือนออกบวชเพื่อครองวัตรปฏิบัติ ตามที่พระศาสดาทรงสั่งสอนและทรงบัญญัติไว้ ความงามแห่งหมู่สงฆ์นั้นบังเกิดได้ด้วยพระธรรมวินัย เพราะภิกษุแต่ละรูปย่อมเปรียบดั่งดอกไม้นานาพันธุ์ หลากหลายทรวดทรง สีสัน และกลิ่น แม้มีความงามอยู่บ้างก็เพียงเฉพาะรูปเฉพาะตน ถ้าถูกลมพัดพาปลิวไปก็อาจกระจัดกระจายโดยง่าย แต่ครั้นนำมาร้อยกรองเป็นพวงพู่ เป็นระเบียบอยู่ด้วยพระธรรมวินัย ความงามนั้นจึงมีแบบแผนเป็นปึกแผ่น เข้มแข็งมั่นคง ทรงคุณูปการในฐานะผู้สืบทอดและเผยแผ่พระพุทธธรรม ให้ยั่งยืนมาสู่ชาวโลกนับแต่ครั้งพุทธกาล ตราบเท่าทุกวันนี้
เพราะฉะนั้น พุทธบริษัททั้งหลายจึงพึงพิทักษ์รักษาและเชิดชูรัตนะทั้ง 3 ดวงไว้ ไม่มองข้ามองค์คุณของรัตนะดวงหนึ่งดวงใด เพื่อพระรัตนตรัย อันเปรียบเสมือนไม้ 3 อันไขว้ขัดกัน จักยังดำรงอยู่เป็นสรณะนำทางสืบไป
เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเทศกาลเข้าพรรษา ขอพุทธศาสนิกชนจงศึกษาทบทวน และสำนึกในพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ และพระสังฆคุณ เพื่อสร้างเสริมสันติสุขในชีวิตของท่าน และสังคมส่วนรวม ให้งอกงามและมั่นคงสถาพร ตลอดกาลนาน