สถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่อง จากอิทธิพลของดีเปรสชั่นและลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ทำให้มีปริมาณน้ำที่ไหลเข้าในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์เป็นจำนวนมาก
กรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงได้ปรับแผนการระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำออกจากเขื่อนทั้ง 2 แห่งให้อยู่ในระดับเกณฑ์ควบคุมที่สมดุล สำหรับรองรับปริมาณน้ำฝนใหม่ที่จะตกลงมาเพิ่มในช่วงฤดูฝน ที่เหลืออีกประมาณ 2-3 เดือน โดยเขื่อนวชิราลงกรณได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจาก 36 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็น 39 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา และจะปรับเพิ่มเป็น 43 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในวันนี้ (6 ส.ค.)
ส่วนเขื่อนศรีนครินทร์ได้ปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมวันละ 15 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็น 20 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ในวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา จากการปรับเพิ่มการระบายน้ำของทั้ง 2 เขื่อนดังกล่าว ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลผ่านมาที่เขื่อนแม่กลองมีระดับสูงขึ้นจากเดิม ส่งผลให้เขื่อนแม่กลองที่เปรียบเหมือนประตูกักเก็บน้ำชั้นสุดท้ายก่อนจะระบายลงสู่พื้นที่ท้ายน้ำต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนให้มากขึ้น โดยล่าสุดได้ปรับปริมาณระบายน้ำของเขื่อนแม่กลองให้สามารถระบายน้ำได้มากถึง 60 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งผลจากการปรับเพิ่มระดับการระบายน้ำของเขื่อนแม่กลองดังกล่าวจะทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ท้ายน้ำ เช่น อ.ท่ามะกา จะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณน้ำในแม่น้ำแม่กลองที่อาจจะปรับตัวสูงขึ้น
ทางกรมชลประทานได้ทำหนังสือแจ้งเรื่องดังกล่าวถึงทาง จ.กาญจนบุรี เพื่อขอให้แจ้งประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ริมน้ำให้เตรียมพร้อม หากเกิดระดับน้ำปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามจนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานของพื้นที่ริมตลิ่งที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากการเพิ่มระดับการระบายน้ำของทั้ง 2 เขื่อน