วันนี้ (13 ส.ค.2561) ไทยพีบีเอส ลงสำรวจความเสียหายพื้นที่น้ำท่วมหมู่ 6 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง เนื่องจากภาวะฝนตกหนัก และภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ที่เกิดขึ้นพร้อมกันในช่วงเที่ยง วานนี้ (12 ส.ค.) ชาวบ้านบอกว่า นอกจากฝนตกหนัก และน้ำทะเลหนุนสูงที่เกิดขึ้นพร้อมกันแล้ว การที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้ไม่ได้เตรียมตัวรับมือความเสียที่เกิดขึ้นกับทรัพย์สินจึงมีค่อนข้างมาก
จากการตรวจสอบพบความเสียหายของเครื่องใช้ไฟฟ้าและข้าวของหลายชนิดในบ้าน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 6 หลายครอบครัวแทบจะยังไม่ได้เก็บล้างทำความสะอาด หลังช่วงเที่ยงวานนี้ ได้เกิดภาวะน้ำทะเลหนุน และภาวะฝนตกหนักทำให้น้ำป่าจากภูเขา ได้ไหลหลากเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว
ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ชาวบ้านเก็บข้าวของไม่ทัน หลังเกิดเหตุพอเข้ามาบ้าน เปิดเข้าบ้านไปเจอแต่โคลนเต็มบ้านเสียหายเยอะ บางคนก็เริ่มเข้ามาล้างบ้าน แต่ยังไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือ
นายทรงพล สังเสือ ชาวบ้าน ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง บอกว่าไม่มีการเตือนล่วงหน้าทำให้ชาวบ้านไมได้เก็บข้าวของอะไรหนีน้ำท่วม และโคลนที่ไหลเข้ามาในหมู่บ้าน
ส่วนนายมานพ พุ่มเกตุ เจ้าของอู่ซ่อมรถ ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง บอกว่า อุปกรณ์ปั้มลม และเครื่องใช้ไฟฟ้าเสียหายหมด ต้องสำรวจความเสียหายอย่างละเอียดอีกครั้ง
ชาวบ้านบอกว่า ภาวะน้ำท่วมในปีนี้รุนแรงมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ที่สำคัญไม่มีการแจ้งเตือนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้แทบจะไม่มีเวลาเตรียมตัวรับมือ ส่งผลให้ข้าวของได้รับความเสียหาย จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐเร่งเข้าให้ความช่วยเหลือฟื้นฟู โดยเฉพาะการล้างทำความสะอาดบ้านเรือน
น้ำตัดถนนขาดกระทบชาวสวนผลไม้อ.พะโต๊ะ
ส่วนภาวะฝนที่ยังตกหนักในพื้นที่เทือกเขาของ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร ทำให้ระดับน้ำในคลองทรง ต.ปากทรง ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าต้นน้ำยังคงไหลเชี่ยวและบางช่วงเวลาได้ทำให้เส้นทางสัญจรในพื้นที่ต้นน้ำถูกตัดขาด เป็นอุปสรรคต่อชาวสวนนำผลผลิตทางการเกษตรออกมาจำหน่ายอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะในช่วงนี้ มีมังคุด และทุเรียนที่ต้องขนออกมากถึงวันละประมาน 20 ตัน จึงเรียกร้องให้มีการสร้างสะพานเพื่อความสะดวกในการสัญจร
ส่วนระดับน้ำ ในแม่น้ำตาปี ในพื้นที่อำเภอพระแสง ยังคงทรงตัว แต่มีแนวโน้มลดระดับลงทั้งนี้ยังคงส่งผลกระทบต่อชาวบ้านกว่า 80 ครัวเรือน ในพื้นที่บ้านบางหยด ต.อิปัน ซึ่งยังถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 1 เมตร ถือเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ที่ชาวบ้านต้องประสบความยากลำบากเกือบทุกครั้งที่เกิดภาวะฝนตกหนัก
ส่วนพื้นที่กลางน้ำและปลายน้ำของลุ่มน้ำตาปี แม้ระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น แต่ยังห่างจากระดับวิกฤติเกือบ 1 เมตรและยังระบายลงสู่พื้นที่ด้านล่างอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ปลายน้ำในอำเภอพุนพิน