วันนี้ (16 ส.ค.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประสบภัยน้ำท่วมชาวลาว ต้องอพยพขนย้ายข้าวของไปอยู่ที่ปลอดภัยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน เนื่องจากปริมาณฝนที่ยังตกลงมาเพราะอิทธิพลของพายุเบบินคาทำให้เขื่อนเซขะหมาน เขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าอีกแห่งในแขวงอัตตะปือ จะระบายน้ำมาเติมในแม่น้ำเซกองเพิ่มอีกจาก 200 ลบ.ม.วินาที เป็น 400 ลบ.ม.วินาที เพื่อรักษาความปลอดภัยของเขื่อนแต่อาจทำให้น้ำเอ่อท่วมเมืองสนามไซบางส่วน
แม้การระบายน้ำจากเขื่อนเซขะหมานครั้งนี้จะมีการประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน และแจ้งเตือนปริมาณที่จะระบายน้ำออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผู้ประสบภัยมั่นใจว่าพวกเขาจะปลอดภัย เพราะตอนนี้น้ำได้ล้อมรอบเมืองสนามไซไว้ทุกทาง ทำให้ศูนย์พักพิงโรงเรียนมัธยมเมืองสนามไซ พบรถอีต๊อกคันแล้วคันเล่ากำลังทยอยขนของออกจากห้องพัก
น้อย ผู้ประสบภัยน้ำท่วม ประเทศลาว ระบุว่า ครอบครัวรู้สึกกลัวน้ำท่วมอีกครั้ง เนื่องจากทางการประกาศว่าจะปล่อยน้ำจากเขื่อนเพิ่ม จึงตั้งใจย้ายไปอยู่สนามแดง คนที่พักอยู่ด้วยกันก็รู้สึกหวาดกลัวมาก ไม่ต้องการประสบเหตุเหมือนกับน้ำท่วมรอบแรกอีก
ทางการลาวพร้อมรับมือ เขื่อนเซขะหมานระบายน้ำเพิ่ม
ไทยพีบีเอสขึ้นบินสำรวจพร้อมกับทีมของกองทัพอากาศลาว อีกครั้งในวันนี้เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำที่ท่วมขัง ในพื้นที่เมืองสะหนามไซ หลังจากวันนี้มีการระบายน้ำ จากเขื่อนเซขะหมานลงแม่น้ำเซกอง โดยแผนในการระบายน้ำวันนี้ ในช่วงเช้าระบายน้ำออกจากเขื่อนปริมาณ 66 ลบ.ม.วินาที และจะระบายสูงสุดในช่วง 21.00 น. ปริมาณ 400 ลบ.ม.วินาที เพิ่มจากเดิมที่เคยแจ้งเตือนไว้ เพราะในพื้นที่ยังคงมีฝนตกหนัก
ขณะที่ อุ่นล้า ไซยะสิด รองเจ้าแขวง แขวงอัตตะปือ ระบุว่า หลังจากการประเมินสถานการณ์น้ำทางการลาว ประกาศอพยพชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณ ริมแม่น้ำเซกองให้อพยพขึ้นที่สูง และชาวบ้านที่อพยพมาอยู่ในศูนย์อพยพที่มีความเสี่ยง ให้ย้ายข้าวของขึ้นที่สูง พร้อมทั้งให้เตรียมเรือสำหรับเหตุฉุกเฉิน โดยทางการลาวจะเตรียมตัวเพื่อรอรับมือตลอดเวลา เพราะถ้าหากต่อจากนี้มีฝนตกลงมาเพิ่ม อาจทำให้เกินสถานการณ์น้ำเกินความสามารถที่จะรับมือได้ และคาดว่าน้ำจะสูงขึ้นประมาณ 50 เซนติเมตร
วินาทีชีวิตช่วยผู้ประสบภัยท้องแก่ฝ่ากระแสน้ำไป รพ.
ทั้งนี้ ช่วงค่ำวานนี้ เจ้าหน้าที่ต้องเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยท้องแก่ นำตัวขึ้นรถพยาบาลออกจากโรงพยาบาลสนามไซ แขวงอัตตะปือ ประเทศลาว มุ่งหน้าไปยังริมแม่น้ำเซกอง เพราะถนนที่เป็นเพียงเส้นทางเดียวในการเข้า-ออกเมืองสนามไซถูกน้ำท่วมสูงบางจุด 2 เมตร
แพทย์ ประเมินอาการว่าเธอมีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิตหากรอช้ากว่านี้แค่วันเดียว เพราะมีอาการตกเลือด จึงส่งผลให้ทีมแพทย์แม่และเด็กศูนย์กลาง นครหลวงเวียงจันตัดสินใจลำเลียงผู้ป่วยทางเรือ ซึ่งทีมแพทย์บอกกับไทยพีบีเอสว่า เป็นวิธีเดียวที่ช่วยผู้ป่วยได้ นับว่าเป็นนาทีชีวิตที่ต้องทำงานแข่งกับเวลาด้วยระยะทางไปไกลกว่า 30 กิโลเมตร เป้าหมายคือไปให้ถึงโรงพยาบาลแขวงอัตตะปือให้ได้ภายในคืนนั้น เพราะมีชีวิตแม่ลูกถึง 2 คนเป็นเดิมพัน