การซื้อ-ขายประกันที่ผูกกับบัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเครดิต โดยขายผ่านโทรศัพท์ เป็นปัญหาที่ผู้บริโภคร้องเรียนกับมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคมากที่สุดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค บอกว่า ตัวแทนประกันของบริษัทส่วนใหญ่จะให้ข้อมูลไม่ละเอียด ไม่ครบถ้วน เมื่อต้องการใช้สิทธิ์ตามกรมธรรม์กลับใช้ไม่ได้จริง อ้างเหตุผลว่าไม่เข้าข่ายตามที่กำหนด หรืออยู่ในเงื่อนไข
จากการสำรวจเรื่องประกันชีวิตเจ้าไหนให้ผลประโยชน์มากกว่ากัน ตามโครงการเฝ้าระวังสินค้าและบริการ พบว่ามี 11 บริษัทที่มีสัดส่วนทางการตลาดสูงสุดจากทั้งหมด 22 บริษัท โดยมีเงื่อนไขและข้อเสนอที่คล้ายกัน แต่ชำระเบี้ยประกันชีวิต รวมถึงผลตอบแทน คือเงินคืนระหว่างสัญญา หรือเงินปันผลแตกต่างกัน
นางนฤมล เมฆบริสุทธิ์ อนุกรรมการด้านการเงินและธนาคาร คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) ระบุว่า ผู้บริโภคต้องดูสัญญาว่าตรงกับใบเสนอราคาหรือไม่, สามารถในการชำระค่าเบี้ยให้ครบสัญญา, คุ้มค่าสินไหม หรือเคลมยากหรือไม่ รวมถึงการตอบคำถามสุขภาพเพื่อไม่ให้เป็นข้ออ้างในการบอกล้างสัญญา ทั้งนี้หากไม่ตรงตามที่กำหนดไว้สามารถยกเลิกสัญญากับตัวแทนประกันได้ภายใน 15 วัน หรือ 30 วันกรณีเป็นจดหมายตอบรับ
ขณะที่ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ระบุว่า ควรศึกษาว่าบริษัทดังกล่าวให้ผลตอบแทนมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากกับธนาคารหรือไม่ รวมทั้งศึกษาข้อมูลรายละเอียดของกรมธรรม์ และจรรยาบรรณของตัวแทน ซึ่งต้องอธิบายส่วนได้ส่วนเสียให้ผู้บริโภครับทราบ
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยังเสนอให้บริษัทประกันแยกเบี้ยประกันสุขภาพไม่ให้ขายพ่วงกับประกันชีวิต เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อประกันสุขภาพเพียงอย่างเดียว และเบี้ยประกันก็ไม่แพงจนเกินขีดความสามารถในการส่งเบี้ยประกัน