จากกรณีที่สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา กองทัพปลดแอกประชาชนจีน สั่งปลดและยึดทรัพย์ พล.อ.ฝาง เฟิงฮุย ประธานกรมเสนาธิการร่วม คณะกรรมาธิการทหารกลาง สาธารณรัฐประชาชนจีน และ พล.อ.จาง หยาง ออกจากตำแหน่ง พร้อมไล่ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน หลังพบว่านายทหารทั้ง 2 นาย เกี่ยวข้องกับการทุจริตในกองทัพ และร่ำรวยผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ฝาง เฟิงฮุย พร้อมคณะ เคยเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 30 พ.ค.60 และผลการพบปะหารือของทั้ง 2 ฝ่าย คือความเชื่อมั่นในการเสริมสร้างและพัฒนาความร่วมมือทางทหารระหว่างกันในทุกระดับ
วันนี้ (20 ต.ค.61) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าว และย้ำว่ากระทรวงกลาโหมจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากจีนแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งเป็นไปอย่างถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมายทุกขั้นตอน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 เม.ย.2560 คสช. มีมติเห็นชอบให้กองทัพบกจัดซื้อรถถังแบบ วีที-4 จากจีน ในระยะที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามแผนพัฒนาปี 2559 ด้วยงบประมาณ 5,020 ล้านบาท ต่อมาวันที่ 5 พ.ค.60 กองบัญชาการกองทัพเรือและผู้แทนรัฐบาลจีน ได้ลงนามในข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ ลำที่ 1 ตามที่ ครม.อนุมัติ เมื่อวันที่ 18 เม.ย.60 ด้วยงบประมาณ 13,500 ล้านบาท โดยแบ่งชำระเงินเป็น 7 ปี รวม 17 งวด และเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.60 ครม.อนุมัติให้กองทัพบกจัดซื้อรถเกราะล้อยาง วีเอ็น-1 จำนวน 34 คัน จากจีน งบประมาณ 2,300 ล้านบาท ด้วยงบผูกพันปี 2560-2563