วันนี้ (23 ต.ค.2561) นายนพดล ทองมี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ประจำนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยถึงกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศห้ามนำเข้าน้ำปลาบางยี่ห้อจากไทยว่า เนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ต้องการให้ไทยตรวจสอบพิสูจน์สารปนเปื้อนจากการหมักน้ำปลาว่าไม่มีส่วนผสมของสารก่อมะเร็ง ซึ่งขณะนี้มีเพียงแบรนด์เดียวเท่านั้นและเป็นเฉพาะล็อต ซึ่งต้องมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
นายนพดล ระบุด้วยว่า ขณะนี้เริ่มมีร้านอาหารไทยและผู้นำเข้าบางรายเริ่มกักตุนสินค้าไว้บางส่วน เนื่องจากกังวลว่าจะขาดแคลน เพราะมีร้านอาหารไทยประมาณ 4,000-5,000 แห่ง ที่ใช้น้ำปลาเป็นเครื่องปรุงรส หากไปใช้เกลือก็อาจจะทำให้เสียรสชาติได้ ซึ่งนอกจากประเทศไทยแล้ว ยังมีประเทศเวียดนามที่สินค้าน้ำปลาถูกกักด้วยเช่นเดียวกัน
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป กล่าวว่า FDA ต้องการให้น้ำปลาไทย มีการควักไส้ปลาออก และใช้วิธีผ่านความร้อนหรือต้ม ซึ่งผู้ผลิตไทยมองว่าทำได้ยาก เนื่องจากใช้ปลาตัวเล็ก ส่วนการผ่านความร้อนจะพยายามปรับปรุงให้กระทบรสชาติน้อยที่สุด
นายวิศิษฐ์ ระบุว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมามีน้ำปลาไทยบางแบรนด์ถูกกักเพื่อตรวจสอบเช่นกันและมาตรฐานดังกล่าวถือว่าสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งกฎเกณฑ์ดังกล่าวเพิ่งมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อปี 2557 จึงอาจจะตั้งข้อสังเกตได้ว่าเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าหรือไม่ เพราะผู้ประกอบการในสหรัฐฯ ต้องการผลิตน้ำปลาเอง เนื่องจากมีวัตถุดิบเช่นกัน ขณะที่ยอดส่งออกน้ำปลาไทยไปยังสหรัฐฯ ยังคงส่งออกได้เท่ากับปีที่แล้วที่ 7 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านนายมนตรี เล็กวิจิตรธาดา เจ้าของธุรกิจผลิตน้ำปลาใน จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า สหรัฐฯ เพียงแต่ตรวจสอบเป็นพิเศษน้ำปลาจากไทยเพียงบางยี่ห้อที่สงสัย ซึ่งจากการสอบถามว่าผู้ผลิตน้ำปลายี่ห้อนี้ไม่ได้ทำผิดมาตรฐาน แต่ขาดส่งเอกสารบางอย่าง ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ หากส่งเอกสารเรียบร้อยก็น่าจะดำเนินการส่งออกได้ตามปกติ ซึ่งในปัจจุบัน สหรัฐฯ ถือว่าเป็นตลาดส่งออกขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง แต่ยังมีประเทศอื่นๆ ที่ไทยส่งออกน้ำปลาเช่นกัน