วันนี้ (7 พ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีการร้องเรียนพบละเมิดสิทธิ์และปฏิบัติไม่เป็นธรรมมีการโกงค่าแรงคนพิการและผู้ดูแลคนพิการในหลายจังหวัด โกงไปหลักแสนเหลือให้คนพิการเพียงหลักพันบาท เช่น จ.สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา นครปฐม นนทบุรี เชียงใหม่ นครราชสีมา และกาฬสินธุ์
ขณะเดียวกัน ยังปรากฏหลักฐานพบมูลทุจริต มูลนิธิ สมาคม หลายแห่ง กระทำความผิด เบียดเบียนกับคนพิการและผู้ดูแลคนพิการ และยังทำให้สถานประกอบการที่ให้การสนับสนุนอาจเข้าข่ายกระทำความผิด ตามกฎหมายมาตรา 35 และอาจต้องจ่ายเงินซ้ำ เพื่อสมทบกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามมาตรา 34 พร้อมดอกเบี้ย ส่งผลให้นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการ เข้ายื่นหนังสือเพิ่มเติมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)
นายปรีดา เปิดเผยว่า หลักฐานที่นำมายื่นเพิ่มในวันนี้ เป็นข้อมูลเชื่อมโยงการทุจริตคอรัปชั่นของชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ที่เชื่อมโยงถึงนายใหญ่ ผู้นำคนพิการส่วนกลาง และยังมีข้าราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 3 คน และกระทรวงแรงงาน 3 คน ทั้งหมดเป็นข้าราชการการระดับจังหวัด เข้าไปมีส่วนพัวพันกับการทุจริต
ทั้งนี้ ยังมีการเปิดเผยรายชื่อของมูลนิธิสมาคม 7 แห่ง คือสมาคมคนพิการภาคตะวันออก มูลนิธิศูนย์ศึกษาและส่งเสริมกิจกรรมสังคม สมาคมคนพิการ อ.ภาชี มูลนิธิวิถีชีวิตอิสระคนพิการ สมาคมคนพิการ จ.สมุทรสาคร ชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ และสมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย โดยนายปรีดา ย้ำว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงว่าเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการไม่ได้รับสิทธิ์อันชอบธรรม
และภายในสัปดาห์นี้ เครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการจะนำผู้เสียหาย 21 ใน 6 จังหวัด จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีอาญากับข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้นำคนพิการ มูลนิธิ สมาคมต่างๆ ที่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับการยักยอกทรัพย์ จากการบิดเบือนกฎหมายที่กองบังคับการปราบปราม
นายปีรดา ยังระบุว่า ขณะนี้แม้จะหมายศาลส่งไปถึงบ้านกรณีถูกฟ้อง หลังออกมาเปิดโปงขบวนการทุจริตเงินคนพิการ 1,500 ล้านบาท แต่จะไม่ยุติการต่อสู้เพื่อคนพิการ เกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา เขายังคงเดินหน้ายื่นเอกสารกับ ปปง. เพราะยื่นต่อ ป.ป.ช.ถึง 3 ครั้งแล้ว โดยก่อนหน้านี้ออกมายื่นหลักฐานถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และจะติดตามความคืบหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป