วันนี้ (7 พ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะทำงานแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของรถรับจ้างสาธารณะซึ่งประกอบด้วยผู้แทนสหกรณ์แท็กซี่ และผู้แทนผู้ขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ร่วมเดินขบวนจากบริเวณหน้าวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร ถึงทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีพิจารณาช่วยเหลือ โดยมีเจ้าหน้าที่กองตรวจการณ์กรมการขนส่งทางบก และเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลความปลอดภัย
วิฑูรย์ แนวพาณิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์แท็กซี่ในเขตกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ข้อเสนอที่ให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา คือเรื่องการนำรถยนต์ส่วนบุคคลและรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลเข้ามารับจ้างผ่านระบบแอปพลิเคชัน เนื่องจากส่งผลต่อรายได้ของแท็กซี่และผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง
อยากเห็นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทย เพราะกฎหมายไทยมีประกาศไว้ว่า รถยนต์รับจ้างสาธารณะจะให้บริการได้นั้น จะต้องมีการจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น และผู้ขับจะต้องได้รับใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น
ขณะที่อัตราค่าโดยสารในปัจจุบันยังไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงโดยเฉพาะค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้ขับรถแท็กซี่มีรายได้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ และเกิดการปฏิเสธผู้โดยสาร แม้ก่อนหน้านี้จะยื่นข้อเรียกร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง
วันนี้ คนขับแท็กซี่มีรายได้น้อยกว่าค่าแรงขั้นต่ำ จึงเกิดปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสาร เนื่องจากบางเที่ยววิ่งมีการขาดทุนเกิดขึ้น และคนขับแท็กซี่เหล่านี้ไม่มีทุนที่จะขาด เมื่อวิ่งแล้วขาดทุนและไม่มีทุนที่จะขาด จึงทำให้มีความจำเป็นที่จะพิจารณาการรับผู้โดยสารแต่ละเที่ยว
ส่วนอัตราค่าโดยสารที่ต้องการให้ปรับขึ้นนั้นยังไม่สามารถตอบได้ เพราะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาล ส่วนผลสรุปของทีดีอาร์ไอที่เสนอให้กรมขนส่งทางบกปรับขึ้นค่าโดยสารอีกร้อยละ 8 ยังต้องดูเรื่องการพิจารณาจุดเริ่มต้นที่เริ่มกิโลเมตรแรก 35 บาท รวมถึงการพิจารณาระยะทางและช่วงรถติด
ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาแล้วก่อนหน้านี้ โดยในเบื้องต้น กรมการขนส่งทางบกจะตั้งคณะทำงานพิจารณาปรับค่าโดยสาร และหาทางแก้ปัญหารถป้ายดำให้แล้วเสร็จภายใน 60 วัน เพื่อเสนอกระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นชอบต่อไป