วันนี้ (8 พ.ย.2561) ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ระบุว่า การเก็บภาษีสินค้าที่มีไขมันและความเค็มในปริมาณมากนั้น ไม่ได้เก็บภาษีทุกผลิตภัณฑ์ หากผลิตภัณฑ์ใดมีความเค็มต่ำอยู่แล้วก็จะไม่มีการเก็บภาษี เนื่องจากหากรับประทานเค็มมีผลต่อสุขภาพแน่นอน เพราะเราทราบแล้วว่าคนไทยรับประทานเค็มแล้วก็เป็นโรคหัวใจ โรคไต และความดันสูงถึงเกือบ 18 ล้านคนในประเทศ หากมีการลดบริโภคเกลือในอาหารสำเร็จรูปก็จะมีส่วน
ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกในประเทศฮังการี มีการเก็บภาษีความเค็มในบางผลิตภัณฑ์ที่มีเกลือสูงมาก ซึ่งตั้งเพดานไว้ประมาณร้อยละ 10-15 เพราะหากกินเค็มมากกว่านั้น จะมีโอกาสเกิดโรคสูงขึ้น ก็พบว่าประชาชนก็หันมากินเค็มน้อยลง เพราะอาหารที่มีความเค็มน้อยก็จะไม่ต้องเสียภาษี
สำหรับมาตรการนี้ก็เป็นการทำให้ประชาชนเปลี่ยนการบริโภคไปรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้น โดยที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ก็ยังเท่าๆ เดิม แต่ประชาชนมีสุขภาพดีขึ้น และราคาไม่เปลี่ยน เพราะว่าบริษัทก็จะมีการปรับตัว ผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีความเค็มลดลงเรื่อยๆ
เม็กซิโก ก็มีการเก็บภาษีทั้งเกลือ-น้ำตาล ซึ่งกำหนดในอาหารอาหารจานด่วน จั๊งฟู๊ด รวมถึงขนมที่มีความเค็มมากเกินไป หรือน้ำอัดลมที่กำหนดความหวานไม่เกินร้อยละ 6 ซึ่งผลจากการเก็บภาษีก็ช่วยให้ปัญหาโรคอ้วนในเม็กซิโกมีแนวโน้มดีขึ้น โดยเฉพาะโรคอ้วนในเด็ก
ส่วนปัญหาการเติมน้ำปลาหรือเติมเกลือนั้น ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม ระบุว่า หากเริ่มต้นลดความเค็มในผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ประชาชนก็มีทางเลือกที่จะรับประทาน หากมองว่ารสชาติไม่ถูกใจก็อาจจะสามารถปรุงรสเพิ่มได้ ประชาชนก็จะสามารถปรับตัวได้ โดยรวมแล้วประเทศจะได้ประโยชน์ ประชาชนได้ประโยชน์ และอุตสาหกรรมก็ไม่ได้เสียประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ มาตรการต่างๆ อาจจะไม่ได้รวมถึงร้านอาหารรายย่อย เนื่องจากเป็นสิทธิของประชาชนที่จะเลือกรับประทานได้และสูตรของแต่ละร้านก็ไม่สามารถกำหนดชัดเจนได้ ดังนั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะร้านอาหารรายย่อยแน่นอน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
สรรพสามิตผลักดันเก็บภาษีความเค็ม-มัน ช่วยรักษาสุขภาพ