วันนี้ (13 พ.ย.2561) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ องค์การนิรโทษกรรมสากล ตัดสินยึดรางวัล "ทูตแห่งมโนธรรมสำนึก" ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศด้านมนุษยชนสูงสุดของแอมเนสตี้ คืนจาก นางอองซาน ซูจี ผู้นำรัฐบาลเมียนมา โดยอ้างเหตุผลว่า "เมื่อพิจารณาแล้วเห็นถึงการทรยศต่อคุณค่าที่เธอเคยปกป้องของผู้นำเมียนมา"
นายคูมี นายดู เลขาธิการใหญ่ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล ได้เขียนจดหมายถึงนางอองซาน ซูจี เพื่อแจ้งให้ทราบว่าองค์กรได้ยกเลิกรางวัล "ทูตแห่งมโนธรรมสำนึก" ในปี 2552 ที่ได้มอบให้ซุจี เมื่อ 8 ปี ที่แล้วหลังได้รับการปล่อยตัวจากการถูกกักบริเวณในบ้านพักกรุงย่างกุ้ง พร้อมแสดงความผิดหวังที่ซูจี ไม่ได้ยืนหยัดใช้อำนาจทางการเมืองและศีลธรรมปกป้องสิทธิมนุษยชน ให้เกิดความยุติธรรมหรือความเสมอภาคในเมียนมา โดยอ้างถึงการเพิกเฉยในความเผด็จการของทหารเมียนมาและไม่ยอมรับการแสดงออกของประชาชน
ในฐานะที่เป็นเลขาธิการใหญ่ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล ความคาดหวังของเราคือการที่คุณจะยังคงใช้อำนาจทางจริยธรรม ต่อต้านความอยุติธรรมในทุกที่ที่คุณเห็น โดยเฉพาะในเมียนมา
วันนี้เรารู้สึกสลดใจมากที่ซูจีไม่ได้เป็นตัวแทนของสัญลักษณ์แห่งความหวัง ความกล้าหาญ และการปกป้องสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ไม่สามารถรับรองสถานะของซูจี ในฐานะทูตแห่งมโนธรรมสำนึกได้อีกต่อไป และด้วยความเสียใจนี้ เราจึงขอถอนรางวัลที่เคยมอบให้คุณ
แม้ทหารเมียนมาจะมีอำนาจมาก แต่มีบางพื้นที่ที่รัฐบาลพลเรือน มีอำนาจมากกว่าในการตรากฎหมายปฏิรูปเพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนได้ดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเสรีภาพการแสดงออกในการรวมกลุ่มหรือชุมนุมอย่างสันติ แต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่รัฐบาลของนางอองซาน ซูจี ปฏิบัติหน้าที่ ซูจีต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากนานาชาติ ในกรณีความป่าเถื่อนของทหารในการกวาดล้างชาวโรฮิงญา แต่ซูจีกลับปฏิเสธที่จะปกป้องประชาชน อีกทั้งยังเห็นด้วยกับการจำคุก 2 นักข่าวรอยเตอร์ ที่รายงานข่าวเกี่ยวกับการกวาดล้างชาวโรฮีนจาด้วย
"เราจะต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนในเมียนต่อไปแม้ว่าจะมีหรือไม่มีการสนับสนุนจากซูจีก็ตาม" เลขาธิการใหญ่ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นเนล ระบุ